0 Green+Book+-+%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%84

Green Book - กรีนบุ๊ค

เข้าฉาย 3 มกราคม 2562
ผู้ชม : 10,848
ผู้กำกับ : Peter Farrelly
ความยาวหนัง : 130.00
Text Size

หนัง Green Book หรือชื่อไทยว่า กรีนบุ๊ค Green Book คือผลงานที่นำแสดงโดยสองนักแสดงฝีมือคุณภาพ วิกโก้ มอร์เทนเซน ผู้เข้าชิงสองรางวัลออสการ์จาก Eastern Promises, Captain Fantastic ร่วมด้วย มาเฮอร์ชาลา อาลี เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Moonlight เล่าถึงเรื่องราวของ สองคู่หูต่างขั้วที่จับผลัดจับผลูตระเวนเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาด้วยกัน “โทนี่ ลิป” (วิกโก้ มอร์เทนเซน) พี่ล่าขาใหญ่เชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกันจากย่านบรองซ์ในนิวยอร์ก ต้องมาเป็นคนขับรถให้ “ดอน เชอร์ลีย์” (มาเฮอร์ชาลา อาลี) นักเปียโนคลาสสิคผิวสีระดับโลก ระหว่างที่เขาออกเดินสายขึ้นแสดงในยุค 60 สิ่งเดียวที่นำทางทั้งคู่คือ "สมุดปกเขียว" ที่บอกสถานที่ที่เป็นมิตรกับคนผิวสี พวกเขาต้องฝ่าทั้งกำแพงแห่งสีผิว ภัยอันตรายต่างๆ เช่นเดียวกับน้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ในการเดินทางครั้งสำคัญนี้


A working-class Italian-American bouncer becomes the driver of an African-American classical pianist on a tour of venues through the 1960s American South.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

19 ธันวาคม 2561 17:18:10

[รีวิว] - Green Book
--- 9.7/10 ---
หนังที่จะทำให้คุณตกหลุมรักและยิ้มได้เกือบทั้งเรื่อง
“หนังครบรส ทั้งตลก ดราม่า ประเด็นผิวสีเข้มข้น ออสการ์คงไม่ไกลเกินเอื้อม”

หนังเรื่องนี้ตัวเต็งออสการ์แน่นอน!!! ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้น่าจะเข้าชิงหลายสาขาชัวร์ (ถ้าพลาดมานี่หน้าแตกเลยนะ 555) เพราะหนังเรื่องนี้ตอบโจทย์คนดูได้ทุกอารมณ์เลยจริงๆ ที่แน่ๆ หนังเรื่องนี้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึง 5 สาขาเลยทีเดียว นักแสดงนำยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแนวเพลงหรือตลก และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

แน่นอนว่าปลายปีต้องมีหนังที่ทำมาเพื่อออสการ์โดยเฉพาะ อย่างที่เคยบอกไปในรีวิวของเรื่อง The Wife และนี่คืออีกหนึ่งในหนังออสการ์ ซึ่งใครหลายคนอาจจะบอกว่า “หนังออสการ์ดูยาก เข้าใจยาก ไม่สนุก น่าเบื่อ” แต่คุณใช้คำเหล่านั้นกับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะหนังเรื่องนี้ย่อยง่ายมาก เข้าใจง่าย สนุก ไม่น่าเบื่อเลยสักฉากเดียว

Green Book เป็นหนังที่อิงมาจากเหตุการณ์จริงเกี่ยวกับเรื่องราวมิตรภาพระหว่างการเดินทางของชายต่างกันสุดขั้วสองคน Tony Lip ชายวัยกลางคนลูกครึ่งอิตาลีที่ต้องมาขับรถให้กับ Dr. Don Shirley นักเปียโนผิวสีฝีมือจัดจ้าน พวกเขาทั้งคู่ต้องอยู่ด้วยกันเป็นระยะเวลากว่าสองเดือน และในช่วงยุคนั้นประเด็นเรื่องการเหยียดผิวก็รุนแรงเหลือเกิน เขาจึงจำเป็นต้องมี Green Book ที่บอกสถานที่ที่เป็นมิตรกับคนผิวสี เพื่อให้สถานการณ์ราบรื่นตลอดการเดินทางครั้งนี้

บอกได้เลยว่า “เราตกหลุมรักหนังเรื่องนี้เข้าจังๆ” ติด Top 5 หนังที่เราชอบที่สุดในดวงใจไปแล้ว! หนังเอาคนดูอยู่ทั้งเรื่องตลอด 2 ชั่วโมงกว่า มีการเล่าเรื่องกึ่งๆ แนว Road Trip มีการเปิดเรื่องที่เจ๋งมาก ทำให้เรารู้จักนิสัยใจคอตัวละครอย่าง Tony Lip ได้ง่ายๆ โดยใช้เวลาเล่าเพียงไม่กี่นาที แถมหนังยังปูให้เห็นความเป็นกลิ่นอายมาเฟียอิตาลีของพระเอกหน่อยๆ ซึ่งมันเท่ดีเหมือนกัน และยังบอกเล่าถึงความเหยียดผิวของพระเอกโดยใช้เพียงไม่กี่ฉาก ให้คนดูเข้าใจตัวละครตัวนี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนนี้น่าชื่นชมมาก และเรายังได้เห็นถึงการพัฒนาความสัมพันธ์แปรผันตามระยะทาง ของคนต่างกันสุดขั้วสองคน ค่อยๆ ก้าวข้ามผ่านกำแพงแห่งชาติพรรณ การเหยียดผิว ด้วยเสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา จนกลายมาเป็นมิตรภาพที่งดงาม

ในเรื่องนี้สิ่งที่โค-ตะ-ระ ดีคือบทสนทนา เพราะบทสนทนาระหว่างสองตัวเอกของเรื่องนี้มันดีมากกกกกกก ทั้งเฉียบ ฉลาด สนุก ฮา คม เรียกได้ว่าทุกฉากที่คุยเลย สองคนนี้คุยกันที่ไร เรียกเสียงฮาได้แน่นอน และถ้าเป็นฉากดราม่า ก็เอาคนดูซะอยู่หมัดเลย

และนอกเหนือจากเสียงหัวเราะแล้ว ประเด็นดราม่าเรื่องผิวสียังเข้มข้นมากๆ มีการปูถึงความรุนแรงเรื่องประเด็นนี้มาตั้งแต่ต้นว่า ในยุคนั้นคนผิวดำโดนอะไรบ้าง หลายๆ ฉากไม่ได้สื่อสารอะไร แต่ทำให้คนดูอย่างเราเข้าใจเลย และที่หนักหน่วงกว่านั้น ตัวละครอย่าง Dr. Shirley ที่สะท้อนความเจ็บปวดของคนผิวดำได้ดีมากๆ ที่หนักกว่านั้นคือเขาดั๊นไม่เข้าพวกกับคนผิวขาว หรือแม้กระทั่งคนผิวดำเหมือนเขาเองด้วย เพราะเขาค่อนข้างเป็นชนชั้นสูงต่างจากยุคนั้นที่คนผิวดำส่วนมากจะเป็นแรงงาน และยิ่งคำพูดที่จากตัวอย่าง “ถ้าผมขาวไม่พอ ถ้าผมดำไม่พอ งั้นบอกผมทีว่าผมเป็นอะไร” ฉากนั้นในหนังนี้เล่นเอาจุกเลย

เราต้องชื่นชมนักแสดงนำทั้งสองคนเลย เริ่มตั้งแต่ Viggo Mortensen ในบทบาท Tony Lip ที่เราอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเขาจากบทบาท Aragon ในเรื่อง The Lord of the Rings ซึ่งเขาเนี่ยเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ทุ่มเทในทุกบทบาทที่เขารับ มาในครั้งนี้เขารับบทเป็นชายสุดห้าวลูกครึ่งอิตาลี เขาทั้งวางท่าให้ห้าวเป้ง ดัดเสียงสำเนียงให้เหมือนคนอิตาลี อีกทั้งการออกท่าออกทาง การทำมือต่างๆ เหมือนที่คนอิตาลีชอบทำ เขาแสดงบทนี้ออกมาได้ดีมากจริงๆ ส่วนทางด้าน Mahershala Ali ที่รับบท Dr. Don Shirley ก็แสดงบทบาทนักเปียโนผิวดำมาดไฮโซ ชนชั้นสูงได้เจ๋งจริงๆ ดูจริงทั้งท่าทางการพูด การแสดงออก คือทั้งสองคนนี้ควรได้รางวัลสาขานักแสดงนำและสมทบยอดเยี่ยมไปเลยทั้งคู่

อาจจะสงสัยว่าหายไปไหน 0.3 มันคือประเด็นเรื่องกลุ่มมาเฟียกับเรื่องราวเล็กน้อยในหนังตอนต้นกับตอนเกือบท้ายเรื่อง ที่บอกไม่ได้ แต่อยากให้ฉากเหล่านั้นมีจุดคอนฟลิกซะหน่อย เพราะมันดูราบรื่นไป ไม่งั้นมันจะเพอร์เฟ็คมากเลยจริงๆ

สรุป นี่คือหนังต้นที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรพลาด ควรหาเวลาไปดู ไม่สิ ควรสละเวลาอันมีค่า ไปรับชมสิ่งที่มีค่าแบบหนังเรื่องนี้เลย ควรตีตั๋วไปดูเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเลยด้วยซ้ำ! อวยสุดๆ พูดเลย 555 คือหลายๆ อย่างก็ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงให้เข้าใจ ต้องลองไปสัมผัสด้วยตาตัวเองและคุณจะรักหนังเรื่องนี้เหมือนกัน

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9.5
การดำเนินเรื่อง
9.5
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
9.7
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
16 ธันวาคม 2561 19:07:30

Green Book " คู่มือสำหรับความปลอดภัยในการเดินทาง "

130 min | Drama/Comedy | Directed by Peter Farrelly

เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ?

หนังได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง ของ โทนี่ ลิป ชายอเมริกัน อิตาเลียน ที่ต้องกลายมาเป็นคนขับรถ ให้กับนักดนตรีเปียโนคลาสสิคอัจฉริยะผิวสี ดร.ดอน เชอร์ลีย์ ในการทัวร์แสดงทางตอนใต้ของอเมริกาตลอด 2 เดือน โดยมีหนังสือปกเขียวเป็นคู่มือในการนำทางของพวกเขาทั้งสอง

ความรู้สึกแรกหลังดูจบ.. 

หนังน่ารักมาก ชอบมากที่หนังนำเสนอเรื่อง การเหยียดผิว คุณค่าของตัวเอง เรื่องจริงจังแบบนี้แต่เล่าออกมาได้อย่างน่ารัก ฉลาด และเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน หนังตลกมากกกก มีหลายต่อหลายซีนที่โคตรจะจังหวะแบบซิทคอม เป็นหนังดราม่า คอเมดี้ที่พูดถึงประเด็น racist ออกมาได้สนุกและไม่น่าเบื่อเลย แถมยังย่อยง่ายมากด้วย

สิ่งที่น่าชื่นชม 

ตัวละครนำทั้งสอง จัดว่าแบกเรื่องอย่างแท้จริง วิกโก้ มอร์เตนเซ่น มารับบทเป็นโทนี่ ลิป ได้อย่างน่าจดจำ เล่นละเอียดมาก ชอบตัวละครนี้สุดๆ รวมไปถึง มาเฮอชาล่า อาลี ในบทบาทของด็อกเตอร์ก็เล่นออกมาได้ยอดเยี่ยมอีกแล้ว สเน่ห์และเคมีของทั้งสองคนนี้ในเรื่องทำให้หนังออกมาเพลิดเพลินและสนุกมากจริงๆ เพราะมันทำให้กิมมิคของเรื่องอย่างการพัฒนาและปรับเปลี่ยนของตัวละคร จากดำเป็นขาว มันชูเด่นขึ้นมา

สรุป 

โดยรวมแล้ว Green Book เป็นอีก 1 เรื่องที่คู่ควรติด top 10 หนังที่น่าประทับใจของใครหลายๆ คน เพราะเป็นหนังที่แฝงประเด็นน่าสนใจ ย่อยง่าย ดูสนุก และการแสดงน่าประทับใจ ไม่อยากให้หลายคนพลาดครับ อยากให้ลองไปชมกันดู

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
8.5
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
8.5
คะแนนเฉลี่ย
9
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
3 มกราคม 2562 20:40:49
หนังแบบนี้แหละที่รอมานาน ชอบทุกฉากทุกตอน ดู sounds track ฟินสุดๆ ดูสนุกไม่ง่วงเลย มีอารมณ์ขันเรื่อยๆ หนังแแบนี้ รอบเดียวไม่พอแน่นอน ถ้ามีสิบดาวได้เต็มๆค่ะ

ความคิดเห็น (0)

3 มกราคม 2562 20:43:16
 
ชอบมากๆมีครบทุกรสชาด สนุกสนาน ขำขัน ชีวิต ความงดงามของมิตรภาพ เป็นหนังเรื่องแรกของปีที่ไปดู แล้วคิดว่าต้องดูซ้ำแน่นอน ชอบมากๆ
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
11 มกราคม 2562 09:26:31
ดีสุดๆ ชอบมากเช่นกันเบยยย