Suspiria - กลัว
หนัง Suspiria หรือชื่อไทยว่า กลัว ในปี 1977 ซูซี่ แบนเนี่ยน (ดาโกต้า จอห์นสัน) นักเต้นบัลเลต์สาวจากอเมริกาได้เดินทางมายังคณะบัลเลต์ชื่อดัง พรสวรรค์ในการเต้นของซูซี่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ มาดามบลังค์ (ทิลด้า สวินตัน) หัวหน้าผู้ฝึกสอนของคณะมีความแน่นแฟ้นขึ้นอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าจุดประสงค์ของเธอนั้นไม่ได้มาเพื่อการเต้นรำเท่านั้น ในช่วงเวลาเดียวกัน หญิงสาวภายในคณะก็เริ่มทยอยหายตัวไปอย่างลึกลับ ความหวาดกลัวเริ่มฝังรากลงไปในจิตใจของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ และความชั่วร้ายที่แอบแฝงอยู่ภายใต้โฉมหน้าของคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงก็เริ่มเผยเขี้ยวเ ล็บออกมา พร้อมกับเสียงคร่ำครวญของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของมัน
A darkness swirls at the center of a world-renowned dance company, one that will engulf the artistic director, an ambitious young dancer, and a grieving psychotherapist. Some will succumb to the nightmare. Others will finally wake up.
Susperia " กลัว "
152 min | Horror/Mystery | Directed by Luca Guadagnino
เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ?
หนังว่าด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1977 ซูซี่ แบนเนียน นักเต้นชาวอเมริกันเดินทางมายังเบอร์ลิน เพื่อมาตามหาความฝันในคณะบัลเลต์ชื่อดัง ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ มาดาม บลองก์ ครูผู้ฝึกสอน ซึ่งคณะบัลเลต์แห่งนี้ดูเหมือนจะมีความลับและมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนอยู่ !?
ความรู้สึกแรกหลังดูจบ..
บอกเลยว่าถ้าให้พูดง่ายๆ (ในฐานะคนไม่เคยดู Suspiria 1977 มาก่อน) อยากเอาหนังไปเปรียบเทียบกับ Mother! ของดาเรน อโรนอฟสกี้มาก ซึ่งหากคุณคิดว่าเรื่องนั้นดูยากแล้วละก็ เรื่องนี้ดูยากกว่าเยอะ ยากทั้งในส่วนของการถ่ายทอดความบิดเบี้ยวอันน่าสยดสยอง ของทั้งร่างกายและจิตใจของตัวละคร ยากทั้งในส่วนของมูดแอนด์โทนของหนังที่พอมาผนวกกับความยาวของหนังแล้ว ไม่ถือว่าเป็นความบันเทิงเลยแม้แต่น้อย และแม้ว่าผมจะเข้าใจแก่นของมัน และพยายามมาปรับให้รีเลทกับวัฒนธรรมหรือขอบเขตความรู้ของเราแล้วก็ตาม Suspiria คือหนังที่พูดถึง สตรีเพศ ศาสนา และความกลัวออกมาได้น่าตะลึงพรึงเพริด แต่หาความบันเทิงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มันเป็นอาร์ทที่หนักมือไปมากจนแทบไม่แคร์คนดูเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหนังความยาว 2 ชั่วโมงครึ่งก็น่าจะประนีประนอมกันบ้างก็ยังดี ฮาาา (แคร์ไม่แคร์ให้ดูที่ฉากจบหลังเครดิตเลย)
สิ่งที่น่าชื่นชม
ผู้กำกับกัวดานีโน่กลับมาพร้อมกับพี่สอง สยมภู dp คู่ใจเช่นเคย ซึ่งงานภาพในเรื่องเป็นอีกจุดที่ชูให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจ แต่ละซีนมันทำงานของมันได้ดีมาก คือแหวะก็แหวะสุด ลึกลับก็ลึกลับสุด ดิ่งก็ดิ่งสุดมากๆ อีกจุดนึงเลยคือแม้ว่าผมจะบอกว่าหนังไม่แคร์คนดูหรือไม่ประนีประนอมเลย ก็อาจจะไม่ถูก 100% สักทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ในสิ่งที่ผมบ่นๆ ไป ระหว่างดูก็ไม่ได้รู้สึกว่าทรมานทรกรรมขนาดนั้น เพราะการที่หนังแบ่งเป็นองค์ๆ อย่างชัดเจนช่วยควบคุมให้ความรู้สึกของเราในการดูหนังมันผ่านไปเร็วไม่น้อย
สรุป
หากคุณคือสายแมสแบบเต็มขั้น หรือเคยดู Mother! มาแล้วรู้สึกว่า wtf แนะนำให้ผ่านเรื่องนี้ไปจะดีกว่า เพราะอย่างที่ผมกล่าวไป หนังมีปัจจัยมากมายที่พร้อมจะตัดคุณออกจากการดูหนัง เพราะมันไม่ใช่หนังที่ให้ความบันเทิงเลยแม้แต่น้อย แต่หากว่าอยากลองของ อยากจัดอาร์ทหนักๆ อยากท้าให้ลองดูครับ เพราะว่าหนังมีเรื่องให้เราอยากรู้ อยากคิด อยากตีความกันจนปวดหัวอย่างแน่นอนครับ
สรุปผลวิจารณ์หนัง