Searching - เสิร์ชหา....สูญหาย!?
หนัง Searching หรือชื่อไทยว่า เสิร์ชหา สูญหาย บางครั้งการค้นหาความจริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นคำถาม? หลังจากที่ลูกสาววัย 16 ปีของเขาหายตัวไป ผู้เป็นพ่อผู้เศร้าโศกจึงพยายามเจาะเข้าไปในโน๊ตบุ๊คลูกสาวของเขาเพื่อหาเบาะแสและตามตัวเธอให้เจอ
After his 16-year-old daughter goes missing, a desperate father breaks into her laptop to look for clues to find her.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
Searching " เสิร์ชหา สูญหาย "
102 min | Drama/Mystery | Directed by Aneesh Chaganty
เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ?
Searching เป็นหนังที่ว่าด้วยของคุณพ่อ ที่ลูกสาววัย 16 ปีหายตัวไปอย่างลึกลับ ติดต่อไม่ได้ ทำให้เขาต้องสืบค้นและตามหาลูกสาว จากเบาะแสผ่านแล็ปท็อปของลูกสาว ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะรู้ตัวว่าจริงๆ แล้วเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับลูกสาวของตัวเองเลย ..!!
ความรู้สึกแรกหลังดูจบ..
หนังสนุกมากกกก เป็นอีก 1 เรื่องเลยที่ตอนแรกรู้สึกว่าบทมันไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่หนังเล่นท่ายากด้วยการเล่าเรื่องผ่านกล้องและหน้าจอแล็ปท็อปหรือมือถือของตัวเอก (ซึ่งหากเคยดูจะคลับคล้ายคลับคลากับหนังสยองขวัญเรื่อง Unfriended) ซึ่งพอได้มาดูจริงๆ หนังคาดเดาได้ค่อนข้างยากสุดๆ อาจจะด้วยลูกล่อลูกชนของบทที่ทำหน้าที่ของตัวมันเองได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถจูงให้เราคิดอย่างที่หนังต้องการได้สำเร็จ เราจึงคาดเดาแทบไม่ได้เลยตลอดทั้งเรื่องว่าหนังจะไปจบเอาอีท่าไหน ตรงจุดนี้เองถือเป็นความสนุกและความดีงามของหนังเลยก็ว่าได้
สิ่งที่น่าชื่นชม
ด้วยความที่หนังขายกิมมิคในการเล่าเรื่องผ่านหน้าจอของอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคส์ต่างๆ อยู่แล้ว การหยิบจับรายละเอียดเล็กๆ จากโปรแกรม เว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำได้ค่อนข้างละเอียดมาก และอย่างที่บอกไปลูกเล่นอันแพรวพราวเหล่านี้ เบื้องหลังยังได้การทำงานอันดีเยี่ยมของบทเข้ามาเสริม ทำให้หนังค่อนข้างแข็งแรงและเอาอยู่มากๆ เพราะเอาจริงๆ ถ้าจุดนี้เกิดล้มเหลวขึ้นมาจะกลายเป็นน่าเบื่อและไม่น่าสนใจขึ้นมาทันที
แถมตัวหนังเองยังสอดแทรกประเด็นจิกกัดสังคมยุคปัจจุบัน ยุค 4.0 เอาไว้เพียบ แอบแสบอยู่ไม่ใช่น้อย
สรุป
Searching เป็นหนังลึกลับ ระทึกขวัญ ที่ถ้าให้อธิบายง่ายๆ คือมีกลิ่นอายแบบ Gone Girl ผสมรูปแบบการเล่าเรื่องแบบ Unfriended ที่โดยรวมแล้วประสบความสำเร็จกว่า Unfriended มากในแง่ของการใช้ลูกเล่นกิมมิคตรงนี้ในการเล่าเรื่องหรือเดินเรื่องไปข้างหน้า ไม่มีขี้โกง และหนังทำได้ค่อนข้างสนุก ชวนสงสัยตลอดเกือบ 1 ชั่วโมง 40 นาทีและแน่นอนว่าทางที่ดีไม่ควรอ่านหรือรู้สปอยล์มาก่อนเด็ดขาดเพราะอาจทำให้หนังหมดสนุกไปเลยก็ว่าได้
ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
9.5/10
Searching เสิร์ชหาสูญหาย
“โคตรดี ดีจนเกือบเรียกว่า Perfect!”
หนังเรื่องนี้ตอนได้ดูตัวอย่างครั้งแรก ทำให้เรานึกถึงหนังที่ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องเหมือนกันอย่าง Unfriend (2014) ที่ณ ตอนนั้นที่หนังเรื่องนี้เข้า ถือว่าแปลกใหม่ และสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนดูได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ตในปีเราก็ได้เห็นหนังที่ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบเดียวกันกับ Searching เสิร์ชหา...สูญหาย (ซึ่งสองเรื่องแรกแอดเฉยๆ มาก แค่ตื่นตะลึงในความแปลกใหม่ของมันเท่านั้น)
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของครอบครัว Kim ที่สูญเสียผู้เป็นแม่ไป David Kim ผู้เป็นพ่อ ต้องเลี้ยงลูกสาว Margot Kim ด้วยตัวคนเดียว แต่อยู่มาวันนึงลูกสาวได้หายตัวไป ทำให้ผู้เป็นพ่อต้องสืบเสาะตามหาลูก ด้วยการหาเบาะแสต่างๆ ผ่านทางโลกออนไลน์
หนังเล่าเรื่องได้ไร้ที่ติสุดๆ จุดที่ชอบมากๆ ของหนังเรื่องนี้คือ ตั้งแต่การเปิดเรื่องด้วยการใช้ Window 95 บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวนี้ตั้งแต่ Margot เกิด จนเปลี่ยนผ่านยุคเป็น OS ซึ่งเป็นการเล่าไทม์ไลน์ได้ชาญฉลาดสุดๆ หนังใช้ทุกฟังก์ชั่นของเทคโนโลยีและโลกออนไลน์ได้คุ้มมาก ใช้แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลใน Google เล่น facebook ใช้ facetime เปิดหาข่าวสารตามเว็บต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย หนังใช้การเล่าเรื่องผ่านจอได้สุดยอดมากๆ แต่ละฉากนี่แบบนึกในใจ “เห้ย สุดยอด เจ๋งมาก”
นอกเหนือจากเทคนิคการเล่าเรื่องผ่านจอแล้ว หนังยังมีบทที่น่าสนใจ ที่แยบยล ทำให้เรานึกถึงหนังอย่าง Gone Girl ในอีกรูปแบบได้เลยก็ว่าได้ ชอบตรงที่หนังสามารถใช้เรื่องราวมาร้อยต่อกับการเล่าเรื่องผ่านจอได้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ คือทุกอย่างดูไหลลื่น ไม่น่าเบื่อเลย ตลอดทุกนาที ทำให้คนดูเอะใจ สงสัย สะเทือนใจ ตื่นเต้น ลุ้นไป และคาดเดาอะไรไม่ได้เลย มันทำให้หนังดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ด้วยการแสดงต่างๆ แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของเมาส์ การเลื่อนจอ ปิดนู่น หานี่ พิมพ์นั้น ตอบนี่ ทำให้เราได้รู้สึกถึงอารมณ์ ของตัวละครนั้นๆ และการที่เล่าเรื่องผ่านหน้าจอเดสท็อป มันเหมือนกับเรากำลังนั่งสืบสวน เสาะหา และทำมันร่วมไปด้วยกับตัวละครนั้นๆ อยู่จริงในขณะนั้นเลย จุดนี้ต้องชมพระเอกของเรื่องอย่าง John Cho ที่บอกว่าเอาหนังอยู่จริงๆ ทั้งการแสดงอารมณ์ สีหน้า ท่าทาง ทำได้น่าเชื่อถือสุดๆ จนทำให้คนดูอย่างเราเชื่อได้เลยว่า เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ประเด็นของครอบครัวก็ยังเข้มข้น ความรัก ความสัมพันธ์ ความผูกพันธ์ การเลี้ยงดูลูกด้วยตัวคนเดียว ก็ยังสื่อออกมาได้ดีมากๆ เช่นกัน ข้อเสียเดียวของเรื่อง ไม่สิ มันน่าจะเป็นข้อเสียดายที่เราอยากให้หนังมีสักหน่อย คือการเฉลยจุดของหนัง อยากให้เห็นเหตุการณ์ “นั้น” ผ่านทางมือถือหรือจอคอมก็ว่าไป นอกเหนือจากนั้นบอกเลยมันลงตัวและ PERFECT! มาก
ใครจะไปดูไม่ต้องไป Search หาข้อมูลรีวิวหรืออะไรจากไหนละ ไปซื้อตั๋วดูเลย ณ บัดนาว เป็นเรื่องที่ชอบที่สุดในสัปดาห์นี้แล้ว รองลงมาจาก Crazy Rich Asians หนังทำได้ดีกว่าหนังแนวๆ เดียวกันมากๆ ดีกว่าทั้ง Unfreind (2016) และ Friend Request (2016) ห้ามพลาดเด็ดขาด!!!
สรุปผลวิจารณ์หนัง