0 400+%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9A+%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B9+-+The+400+Bravers

400 นักรบ ขุนรองปลัดชู - The 400 Bravers

เข้าฉาย 28 มิถุนายน 2561
ผู้ชม : 19,687
ผู้กำกับ : เจตนิพัทธ์ สาสิงห์
ความยาวหนัง : 120.00
Text Size

หนัง 400 Nak-Rop-Kun-Long-Palad-Choo หรือชื่อไทยว่า 400 นักรบขุนรองปลัดชู ในรัชสมัยของ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ก่อนการเสียกรุงฯ ครั้งที่ 2 ราว 5 ปี “พระเจ้าอลองพญา” (กษัตริย์แห่งเมืองอังวะ) ได้ส่งกองทัพรี้พลจำนวน 2 หมื่นนายยกมายึดเมืองตะนาวศรีและเมืองมะริด ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญของอโยธยาในแถบทะเลอันดามัน หลังจากที่ทราบข่าวของข้าศึก ทางอโยธยาจึงส่งกองทัพ 2 กองเข้าสกัดเพื่อปกป้องรักษาแผ่นดิน คือกองทัพของ เจ้าพระยายมราช และ กองทัพของเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ ขณะเดียวกัน “ขุนรองปลัดชู” กรมการเมืองวิเศษไชยชาญ ได้รวบรวมเหล่าอาสาอาทมาฏจำนวน 400 นายให้มาร่วมทัพด้วย หลังจากนั้นเมื่อเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ทราบข่าวว่า ทัพของเจ้าพระยายมราชแตกพ่ายโดยกองทัพของอังวะที่กำลังเดินทัพเข้ามา จึงมอบหมายให้ขุนรองปลัดชูนำกองกำลังอาทมาฏ 400 นายไปสกัดทัพของอังวะเอาไว้ที่เมืองกุยบุรี ไม่นานนักกองทัพของ “มังระราชบุตร” และ “มังฆ้องนรธา” ก็เคลื่อนผ่านช่องด่านสิงขร และได้ประจัญหน้ากับกองทัพของไทยขวางอยู่ที่เมืองกุยบุรีจึงเกิดการต่อสู้กับขึ้น ถึงแม้ทหารของฝ่ายไทยจะมีจำนวนน้อยกว่าข้าศึกหลายเท่าตัวก็ตาม และแม้จะรู้ว่าจุดจบจะเป็นเช่นไร หาก ขุนรองปลัดชูและนักรบผู้กล้าทั้ง 400 นายก็หาได้หวาดหวั่นแม้รู้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของพวกตนก็ตามที นี่คือ วีรกรรมอันกล้าหาญของบรรพชนที่ยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตของตน เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้มีแผ่นดินอยู่อาศัย แม้วีรกรรมของพวกเขาอาจจะไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง หากคุณงามความดีของทุกคนจะยังคงอยู่ตลอดไปตราบนานเท่านาน...

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

5 กรกฎาคม 2561 04:19:29

400 นักรบขุนรองปลัดชู (เจตนิพัทธ์ สาสิงห์ | ไทย | 2018)

เฮ้ยยยยย!!! หนังดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลย ด้วยความที่ไม่รู้จักบริษัทผู้สร้างมาก่อน และก็ไม่รู้ว่าผู้กำกับเคยผ่านงานหนังอะไรมาแล้วบ้าง เพียงแค่คุ้นๆ ชื่อก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย หวังไว้สูงสุดก็แค่ขอให้ได้ราว ทองดีฟันขาว (บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ | 2017) ก็พอแล้ว แต่ปรากฏว่ามันดีมากกว่านั้นไปอีก

เรื่องราวของ ขุนรองปลัดชู (พรเลิศ พิพัฒน์รุ่งเรือง) ที่ได้รับคำสั่งจากทางการให้รวบรวมพลให้ได้จำนวนมากที่สุดเพื่อไปดักทัพของพม่าที่จะเข้ามาตีเมืองอยุธยา พี่ชูแกก็เลยรวบรวมทั้งนักดาบในหมู่บ้านตัวเองและหมู่บ้านใกล้เคียงที่เป็นเพื่อนรู้จักหน้าค่าตากันดีอยู่แล้วให้มาช่วยรบ และสุดท้ายก็รวบรวมมาได้ 400 ชีวิตตามชื่อเรื่องนั่นแหละ  แต่ละคนนี่เก่งกาจเรื่องสู้รบฟันดาบ แถมยังมีวิชาอาคมหนังเหนียวยิงไม่ตายฟันไม่เข้ากันทั้งทัพ จากนั้นก็พากันเดินทางมุ่งไปหาทัพพม่าที่แยกกันออกตีเมืองต่างๆ จนกระทั่งได้เจอกับแม่ทัพตัวจริง และพ่ายแพ้ให้กับทัพพม่าอย่างในพงศาวดารว่าไว้ และหนังยังขยายเรื่องลากยาวไปมากกว่านั้นอีก

รวมๆ แล้วเป็นหนังที่ตั้งใจทำกันมาก เห็นความพยายามที่จะเก็บรายละเอียดต่างๆ เพื่อที่จะให้หนังออกมาดี ทั้งงานสร้างที่ทุ่มทุนสร้างแบบคิดว่าต้องคุ้มทุน โดยเฉพาะพวกฉากแอคชั่นต่างๆ ที่ใช้คนค่อนข้างเยอะ และมีความต่อเนื่องไหลลื่นดีกว่าที่คาดไว้มาก ฉากสู้กันบนหาดทะเลสนุกดูเพลินเลยล่ะ ยิ่งฉากที่ใช้ช้างจริงๆ เล่นนี่เห็นเป็นแอคชั่นต่อเนื่องที่ค่อนข้างสมจริงและน่าเชื่อมากกว่าหนังเรื่องไหนที่เคยดูมา แม้แต่ในหนังใหญ่กว่าอย่างตำนานสมเด็ดพระนเรศวรฯ คือเท่าที่จำได้ยังไม่เคยเห็นการใช้ช้างเข้าฉากสู้รบที่ใช้แอคชั่นเยอะๆ แล้วน่าเชื่อได้ขนาดนี้ แล้วตอนประสานงากันชนปลัดชูเนี่ยถ่ายกันยังไง CGI ช่วยหรือของจริงเพราะดูแล้วมันน่าจะอันตรายมากๆ หากช้างไม่เชื่อง  คือต่อให้ช้างเชื่องมากๆ ก็ยังน่ากลัว แถมยังมี CGI ทั้งเอฟเฟ็กต์เลือดและมนต์คาถาไสยศาสตร์ต่างๆ ที่โดยรวมแล้วค่อนข้างจะเนียนตา งบนักแสดงก็น่าจะเยอะอยู่เพราะรวมดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่เพียบเลย ถ้าลิสต์รายชื่อออกมาดูก็น่าจะสู้กับ ตุ๊ดตู่กู้ชาติ (อานนท์ มิ่งขวัญตา | 2018) ที่แขกรับเชิญเยอะแยะยั้วเยี้ยมากๆ ได้

ส่วนของเนื้อเรื่องก็เสียดายอยู่ที่มันเรื่อยๆ ไปหน่อย โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่มีปัญหากับการปูเรื่องราวและตัวละคร  รู้สึกว่าไม่อินและไม่ใกล้ชิดกับตัวละครเท่าที่ควร ซึ่งเป็นเพราะว่าคนทำเลือกที่จะเล่ากระจายมุมมองตัวละครมากไปหน่อยในช่วงแรก มีตัวละครเป็นสิบๆ ที่อยากจะแบ่งเล่าให้ได้เห็นไปเรื่อยๆ และเราก็จำตัวตนของตัวไหนไม่ได้เลย  ทั้งที่บางตัวเล่นโดยนักแสดงมีชื่อ หนังน่าจะใช้ตัวใดตัวหนึ่งเป็นตัวนำพาเรื่อง ซึ่งนั่นก็ควรจะเป็นพระเอกปลัดชู ถึงตอนแรกๆ จะมีปูการแข่งประลองวิชาดาบ แต่กลับไม่สามารถขับพระเอกให้เด่นและเป็นที่น่าจดจำได้สักเท่าไหร่

มันถูกตัวละครตัวอื่นๆ กลบกลืนไปเสียหมด ด้วยภาษีความเป็นนักแสดงของพระเอกที่อาจจะถูกนักแสดงชื่อดังที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันมากกว่า อย่าง ต๊อก ศุภกรณ์  ต๊ะ บอยสเกาต์ และ เต้ นันทศัย เพื่อนผู้กล้าเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมรบ กับ พยัพ คำพันธุ์ (อำนวยการสร้าง) ที่เล่นเป็นอาจารย์สอนดาบสอนอาคมยังมีคาแร็กเตอร์ที่จำได้ง่ายกว่าอีก หรือแม้แต่ตัวละครเล็กๆ อย่าง ชูษี เชิญยิ้ม ที่พออยู่ในฉากที่ตัวละครประกอบเยอะยังดูเด่นมองเห็นง่ายกว่าพระเอก การให้ซีนตัวละครสมทบมากเกินไปทำให้ตัวละครที่ควรจะใส่ใจมันถูกพรากความน่าสนใจไป จนกระทั่งหลังจากออกจากหมู่บ้านกันมาแล้วถึงจะรู้สึกว่าพระเอกปลัดชูเริ่มเด่นและน่าติดตามขึ้นมาทันที แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้อินตามได้อยู่ดีซึ่งน่าเสียดาย

นอกจากนั้นหนังก็ยังมีฉากที่น่าจะรวบรัดได้อีกมาก แต่สิ่งที่ดีก็ยังมีอยู่คือความน่าสนใจในการตำหนิราชการหัวเมืองหลักที่ปล่อยให้ชาวบ้านออกมารบแทนพวกตัวเองที่เสวยสุขอยู่ในที่พักแรม แต่ขณะเดียวกันก็ยังเป็นหนังชาตินิยมที่ไม่น่าเกลียด ด้วยการให้ตัวละครพระเอกยืนหยัดในเกียรติและศักดิ์ศรีของตนที่จะไม่ทรยศต่อชาติบ้านเมือง และขณะเดียวกันก็ให้ฝั่งศัตรูอย่างพม่าได้พูดอะไรสักอย่างที่เป็นธรรมกับพวกเขาบ้าง อย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นหนังเรื่องอื่นๆ ทำ หรือถ้าหากทำก็ไม่น่าจดจำได้ขนาดนี้  เพราะนี่เป็นเหมือนการให้เกียรติกันและกันอย่างพอเหมาะพอควร

ดีใจที่ได้อุดหนุนหนังเรื่องนี้ในโรง ดีใจที่หนังมันดีกว่าที่คาดเอาไว้มากๆ จากหน้าหนัง ดีใจที่ได้เห็นนักแสดงมากมายในหนังมีดีเรื่องนี้ หลายๆ คนที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น อย่าง นักร้อง แมงปอ ชลธิชา และ ต่าย สายธาร ที่ไม่ได้เห็นหน้ามานานก็ได้เห็น ถึงจะเป็นบทเล็กๆ ก็ตามที สุดท้ายนี้ก็ขอให้ได้ทุนคืนและได้กำไร และจะรอดูผลงานเรื่องต่อๆ ไปครับ

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
6.5
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
6.9
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)