The Florida Project - แดน (ไม่) เนรมิต
เข้าฉาย 25 มกราคม 2561
ผู้ชม : 7,238
ผู้กำกับ
: Sean Baker
ความยาวหนัง
: 110.00
Text Size
หนัง The Florida Project เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงหน้าร้อน ของเด็กหญิงอายุ 6 ขวบ นามว่า Moonee ชีวิตที่ใสซื่อแต่กร้านโลก ทำอะไรสนุกสนาน โดยไม่ได้คิดอะไร ซึ่งทั้งหมดตรงกันข้ามกับผู้ปกครองที่ต้องต่อสู้กับความยากลำบากเพื่อลูกที่ตนเองรัก ชีวิตชนชั้นล่างของตัวละครทั้งหมดภายใต้ร่มเงาของ Disney World
Set over one summer, the film follows precocious six-year-old Moonee as she courts mischief and adventure with her ragtag playmates and bonds with her rebellious but caring mother, all while living in the shadows of Disney World.
The Florida Project (Sean Baker | USA | 2017)
เมื่อสองปีก่อน Tangerine (2015) จากฝีมือผู้กำกับคนเดียวกันได้สร้างความประทับใจไว้มากมายในฐานะหนังถ่ายไอโฟนสีฉูดฉาด ทุนน้อย เรื่องน้อยๆ ที่เล่าเพียงเหตุการณ์ภายในช่วงเวลาชีวิตไม่เท่าไหร่ของกะเทยเพื่อนซี้ แต่สามารถสร้างความบันเทิงได้อย่างแสบสันและกรุ่นความประทับใจในมิตรภาพของชีวิตจากมุมเมืองที่ไม่น่าอภิรมย์ได้อย่างน่าจดจำแล้ว มาในคราวนี้กับ The Florida Project ที่ผู้กำกับเลือกเล่าชีวิตของสองแม่ลูกในอพาร์ตเมนต์ที่ชีวิตแม่ยังสาวนั้นตกงานและใช้ชีวิตหาเงินมาให้พอจ่ายค่าเช่าห้องไปวันๆ และลูกสาวสุดรั้นที่วิ่งเล่นสร้างวีรกรรมกับแก๊งเพื่อนห้องเช่าไปตามประสา ในระแวกซึ่งไม่ไกลกันนั้นมีสวนสนุก Disney Land ที่ผู้คนทั่วโลกอยากมาเยือนเต็มไปด้วยสีสันของความสุข
ชอบมากขนาดที่มั่นใจว่าหากจัดท็อปหนังที่ดูในปี 2018 ต้องมี The Florida Project ติดอันดับ Top 10 อย่างแน่นอน และสำหรับ Top 5 หรือ Top 3 ก็ยังเป็นไปได้ เป็นหนังเล็กๆ ที่เล่าชีวิตคนตัวเล็กๆ ในสังคมที่ขึ้นชื่อว่าเจริญและพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาได้อย่างธรรมชาติ และน่าติดตาม การทำหนังและเล่าเรื่องให้อินไปกับชีวิตและเข้าใจตัวละครให้ได้นั้นว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว แต่การเล่าแบบให้เป็นชีวิตที่ปกติที่สุด แต่ยังต้องการความบันเทิงให้น่าติดตามด้วยนั้นยากยิ่งกว่า ซึ่งทั้งการออกแบบการเล่าในบทหนัง การกำกับจับจ้อง และการแสดงล้วนแต่ธรรมชาติมากๆ ชอบการเล่าความปกติชีวิตที่ไม่ต้องมีอะไรมาชี้นำและตัดสินตัวละครในเรื่องนี้มากๆ คนดูต้องรู้สึกและพิจารณากับสิ่งที่ตัวละครทำและผลที่เกิดขึ้นเอง เหมือนเพิ่งเจอกับคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วได้รู้จักชีวิตของพวกเขาไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องรู้เบื้องหลังชีวิตอะไรมากมาย ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และเมื่อถึงตอนจบของหนังเราก็ไม่คิดแม้แต่จะกล้าตัดสินว่าตัวละครควรมีชีวิตไปตามสิ่งที่เขาเป็น
แต่หนังเล่าให้เราเห็นมุมมองความเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้เอาความดีความเลวร้ายมาครอบ ทำให้เราไม่ได้อยากจะมองแค่ว่าก็คุณขี้เกียจไง คิดไม่เป็นไง พูดไม่ฟังไงคุณถึงต้องมีชีวิตแบบนี้ ทั้งที่มันเป็นเรื่องจริงและตัวละครไม่ได้คิดจะรับฟังและปรับตัวไปกับทางเลือกชีวิตใหม่ๆ ถึงแม้เราจะไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมชีวิตของแม่ลูกคู่นี้ถึงได้เป็นแบบนี้แต่ก็ยังซาบซึ้งกับความรักความสุขและความเศร้าที่เกิดขึ้นในชีวิตของทุกตัวละคร ถ้าหากเจอแม่ลูกแบบนี้ในชีวิตจริงคงไม่ชอบไม่พอใจแน่ๆ ถ้าเจอใครมาทำตัวแบบนี้ใส่ต่อหน้าใครในบ้านเรา คงได้โด่งดังในเพจแล้ว ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคนแน่ๆ แต่หนังไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้น ชอบความเป็นคนของทุกตัวละครที่ทำให้เราไม่รู้สึกเกลียดชังถึงแม้ว่าถ้าหากประสบพบเจอในชีวิตจริงเราน่าจะรู้สึกอยากอยู่ให้ห่างเข้าไว้เป็นที่สุด
สรุปผลวิจารณ์หนัง