Tell Me How I Die - นิมิตมรณะ
หนัง Tell Me How I Die หรือชื่อไทยว่า นิมิตมรณะ คุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณสามารถมองเห็นอนาคต? หากคุณรู้ว่าตัวเองจะถูกฆ่าคุณจะทำอย่างไร? และคุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณรู้ว่าฆาตกรปะปนอยู่ในกลุ่มพวกคุณ? เตรียมพบกับภาพยนตร์ระทึกขวัญที่จะมาส่งมอบประสบการณ์ความหลอนเขย่าประสาทจนทำให้คุณนั่งไม่ติดเก้าอี้ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ แอนนา (เวอร์จิเนีย การ์ดเนอร์) สาวเสิร์ฟผู้ที่กำลังตกงาน ได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการทดลองยาชนิดหนึ่งร่วมกับกลุ่มเด็กนักศึกษามหาวิทยาลัยเพื่อหารายได้พิเศษ การทดลองระบุเอาไว้ว่าพวกเขาครึ่งหนึ่งจะได้รับยาจริง อีกครึ่งหนึ่งจะได้ยาปลอม และมีข้อแม้ว่าพวกเขาห้ามออกไปจากสถานที่ทำการทดลองเป็นอันขาด แต่แล้วเรื่องราวอันไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อผลข้างเคียงจากยาทำให้พวกเขาเห็นภาพการฆาตกรรมในหมู่ผู้เข้ารับการทดลอง ก่อนที่ภาพเหล่านั้นจะเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นความจริงโดยฆาตกรที่อยู่ในหมู่พวกเขาเอง
หนัง Tell Me How I Die หรือชื่อไทยว่า นิมิตมรณะ When a group of college students take part in a clinical drug trial, an unexpected side effect of the experimental medicine gives them terrifying visions of their own deaths...which begin to come true. As they scramble to escape their fate, they discover that the killer is among them and shares their ability to see the future - only he seems to be one step ahead of their efforts to survive. The unemployed waitress Anna joins a group of college student in the isolated facility of the Hallorann Laboratory to participate in the research of Dr. Jerrems and raise some money. Dr. Jerrems explains that only half of them will be injected with the drug - the other half will be injected with harmless placebo. Anna befriends Den, Kristen and Marcus and soon Marcus and Kristen are affected by an unexpected side effect and have the ability to see the future. Anna is also affected and discovers that she can see the other youngsters dying and Dr. Jerrems locks her in a room. Meanwhile a stranger breaks in the facility and there is bloodshed in the place. Den, Marcus, Kristen and Scratch try to flee but Den wants to save Anna. Who might be the killer and what is his motive? —Claudio Carvalho, Rio de Janeiro, Brazil