Paradox - เดือด ซัด ดิบ
หนัง Paradox หรือชื่อไทยว่า เดือด ซัด ดิบ "PARADOX" ว่าด้วยเรื่องราวของ "ลีชุง" (กู่เทียนเล่อ) เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงที่ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อตามหาลูกสาววัย 16 ปีของเขา ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เพื่อออกตามหาลูกสาวอันเป็นที่รัก ระหว่างการสืบหาเรื่องราวเขาก็ได้พบกับ "คิท" นักสืบชาวจีน (อู๋เยี่ย) และได้รับความช่วยเหลือจาก "ทักษ์" (โทนี่ จา) ตำรวจท้องถิ่นในประเทศไทย ก่อนที่ทั้งสามจะเข้าไปพันพันกับเครือข่ายค้าอวัยวะมนุษย์รายใหญ่ที่มีมาเฟียอเมริกาคอยบงการอยู่เบื้องหลัง โดยที่พวกเขาต้องร่วมมือกันสืบหาเบาะแสต่างๆ เพื่อทวงคืนลูกสาวกลับคืนมาให้ได้ ผลงานคุณภาพจากยอดผู้กำกับ วิลสัน ยิป ที่ฝากฝีมือไว้ในหนังแอคชั่นสุดมันส์จากไตรภาค IP MAN และ SPL นอกจากนี้ยังได้ "หงจินเป่า" และ "โทนี่ จา" มาร่วมกันผนึกกำลังออกแบบคิวบู๊และฉากแอคชั่น เตรียมถ่ายทอดการต่อสู้สุดเดือดแบบดิบๆลงสู่จอภาพยนตร์อีกครั้ง
เป็นที่น่าแปลกใจเหมือนกันที่หนังแอคชั่นฟอร์มระดับที่มีผู้กำกับ วิลสัน ยิป แห่งยิปมัน กำกับฉากบู๊โดย หงจินเป่า และนำแสดงโดยระดับซุปเปอร์สตาร์สายแอคชั่นของเอเชียอย่าง กู่เทียนเล่อ และ โทนี่ จา จะค่อนข้างมีกระแสที่ซบเซาในบ้านเรา ตั้งแต่การโปรโมท และการฉายที่ค่อนข้างจำกัดโรง ทั้งๆ ที่ในส่วนของเนื้อหนังเองนั้นก็มีคุณภาพในระดับมาตรฐานหนังแอคชั่นฮ่องกงที่เราจะได้รับรสความมันส์แบบดิบเถื่อน และเหวี่ยงไปอารมณ์ดราม่าน้ำตาท่วมจอก็ไม่ได้บกพร่องไปจากหนังเรื่องนี้เลย
พล็อตเรียบง่ายที่ว่าด้วยนายตำรวจ (กู่เทียนเล่อ) ผู้มีปัญหาผิดใจกันกับลูกสาวจนเธอหนีมาพัทยา และพัวพันกับแก๊งค้ามนุษย์ของมาเฟียต่างชาติจนหายตัวไป เขาเลยต้องร่วมมือกับตำรวจท้องถิ่นช่วยกันตามหาลูกสาวที่เขารักยิ่งกลับมา ไม่ว่าจะแลกด้วยชีวิตก็ตาม
หนังมีทุกอย่างที่หนังแอคชั่นฮ่องกงคลาสสิกควรมี ไม่ว่าจะเป็นฉากแอคชั่น ดราม่าลูกผู้ชาย ฉากซึ้งเรียกน้ำตาที่ตัดกับความระห่ำของฉากเลือดสาด ฉากหญิงงามร้องเพลงเก่าๆ ที่ฟังกี่ทีก็เรียกมวลอารมณ์ซาบซึ้งล้อไปกับตัวหนังได้อย่างกลมกล่อม ความที่หนังดูจะถูกมองผ่านละเลยพอสมควรจากตลาดในบ้านเรา ก็ตอกย้ำได้เช่นกันว่ายุครุ่งเรืองของหนังแอคชั่นฮ่องกงหมดไปจากตลาดบ้านเรานานแล้ว และหนังยุคหลังยังไม่สามารถหลุดพ้นจากเงาที่หนังระดับขึ้นหิ้งฝากไว้จนมาสร้างความแปลกใหม่ได้เลย
แต่หากใครต้องการอรรถรสดั้งเดิมของความเป็นหนังแอคชั่นฮ่องกง Paradox ก็ถือว่าสอบผ่านมาตรฐานได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะส่วนที่โดดเด่นที่สุดอย่างฉากแอคชั่นที่กำกับออกแบบได้ดีมาก และการบิวท์ดราม่าที่ต่อให้ตั้งการ์ดใส่ความเฝือแค่ไหนก็ยังต้องยอมรับว่าหนังช่างซึ้งได้สุดทางจริงๆ
สรุปผลวิจารณ์หนัง