ฉลาดเกมส์โกง - Chalard Games Goeng
หนัง Chalard Games Goeng หรือชื่อไทยว่า ฉลาดเกมส์โกง ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ ''ธุรกิจกลางสนามสอบ'' ของ ''ลิน'' (ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) นักเรียนทุนเจ้าของเกรดเฉลี่ย 4.00 ทุกปีการศึกษา ธุรกิจที่มีจุดเริ่มต้นจากการช่วยเพื่อนสนิทอย่าง ''เกรซ'' (อิษยา ฮอสุวรรณ) เด็กกิจกรรมตัวยงแต่ผลการเรียนย่ำแย่ และ ''พัฒน์'' (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) เด็กบ้านรวยที่คิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง ด้วยการแชร์คำตอบกลางห้องสอบ จนกลายเป็นวงการลอกขนาดใหญ่ ที่นักเรียนหลายคนในโรงเรียนยินดีจ่ายค่าตอบแทนแบบสูงลิบ แลกกับการได้รับคำตอบจากอัจฉริยะอย่างลินเงินในบัญชีของลินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากธุรกิจการโกงสอบในโรงเรียน จากหลักหมื่นเป็นหลักแสน จนวันหนึ่ง ลินก็มีโอกาสที่จะอัพเงินในบัญชีให้แตะหลักล้าน เมื่อพัฒน์และเกรซยื่นข้อเสนอสุดท้าทายให้เธอ นั่นคือ การโกงสอบ STIC ซึ่งเป็นการสอบเพื่อใช้คะแนนยื่นเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ที่นักเรียนทุกประเทศต้องสอบในเวลาเดียวกัน โอกาสในการลอกให้รอดเท่ากับศูนย์ แต่ลินก็ยอมเสี่ยงเพื่อแลกกับเงินล้าน ด้วยการบินไปสอบในประเทศที่เวลาเร็วกว่าเมืองไทย เพื่อที่จะได้เห็นข้อสอบก่อน และส่งคำตอบกลับมาให้ลูกค้าในเมืองไทย ปัญหาเดียวก็คือ เธอต้องการคนฉลาดอีกหนึ่งคนมาช่วยให้ภารกิจการโกงครั้งนี้สำเร็จ และคนๆนั้นก็คือ ''แบงค์''(ชานน สันตินธรกุล) นักเรียนทุนคู่แข่งของเธอ ผู้เกลียดการโกงเป็นชีวิตจิตใจ ลินจะทำอย่างไรให้แบงค์ตกลงร่วมมือกับเธอ และเกมส์โกงข้ามโลกนี้จะจบลงอย่างไร...
หนังลำดับที่สองของค่าย GDH 559 ที่เปิดหน้าหนังมาด้วยพล็อตท่ายากท้าทายคนดู ว่าด้วย ลิน เด็กนักเรียนอัจฉริยะผู้อัดอั้นตันใจกับ "ความโกง" ในระบบการศึกษาไทย เธอจึงตอบโต้มันด้วยการใช้อาวุธทางสติปัญญาอันทรงพลังของเธอ รวมทีมกับเพื่อนโกงข้อสอบโรงเรียนไปจนถึงการสอบระดับนานาชาติ เพื่อหารายได้มหาศาลและความหมายที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น คือการกุมอำนาจการกำหนดอนาคตทางการศึกษาให้กับตัวเองและผองเพื่อนทุกคน เพื่อตบหน้าระบบการศึกษาเดิมๆ ที่คร่ำครึแสนห่วย
อาจถือได้ว่าพล็อตหนังเรื่องนี้ เป็นพล็อตที่มีความไฮคอนเซ็ปต์สูงอย่างเห็นได้ชัดเรื่องหนึ่งที่มีมาในประวัติศาสตร์หนังไทย การเล่นท่ายากที่สุดแสนจะสุ่มเสี่ยงต่อการเอาไม่อยู่ ซึ่งพร้อมจะทำให้คนดูหลุดจากหนังได้ทุกเมื่อ ทุกองค์ประกอบอย่างความน่าเชื่อถือของบท ความชัดเจนในการกำกับ และการถ่ายทอดตัวละครของนักแสดง จำเป็นจะต้องคุมทุกอย่างให้อยู่มืออย่างรัดกุม
ซึ่งตลอดทั้งเรื่องของ ฉลาดเกมส์โกง ไม่ได้เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานความคราฟท์ที่ก้าวกระโดดไปอีกขั้นของหนังไทย แต่มันคืองานที่ท็อปฟอร์มแทบทุกองค์ประกอบ บทที่แม้จะมีส่วนเกินจริงไม่น้อยแต่ก็น่าเชื่อถือในโลกภาพยนตร์ที่ตัวบทได้เซ็ทอัพขึ้นมา ประกอบกับลีลาการเล่าเรื่องของผู้กำกับที่มีความฉูดฉาดสไตล์จัด ซึ่งทำให้ซีนของหนังอัดแน่นไปด้วยพลังงานที่ไม่ธรรมดา จังหวะการตัดต่อราวกับหนังแอ็คชั่นที่ทำให้ลุ้นกันใจหายใจคว่ำ รวมไปถึงเหล่านักแสดงที่สวมวิญญาณเข้าบทบาทกันได้อย่างแนบเนียน
หากแต่ยังมีจุดที่น่าเสียดายไม่น้อย เมื่อหนังเลือกบทสรุปที่ไม่ได้มีความน่าเชื่อถือมากนัก โดยเฉพาะเมื่อเรานึกถึงแรงจูงใจของตัวละคร หากตลอดหนังทั้งเรื่องมีความเกินจริงที่เรายอมรับ และเอ็นจอยกับหนังได้โดยไม่สะดุด เพราะความฉูดฉาดหวือหวาของมัน พอมาถึงตอนจบที่ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายเข้าสู่จังหวะที่ช้าลง และลดทอนความหวือหวาเหล่านั้นออกไป หนังต้องกลับมาเล่าผ่านตัวแปรที่เบสิกที่สุดอย่างตัวละคร เราจะเฝ้ามองดูว่าหลังจากการผจญภัยตลอดทั้งเรื่อง เธอและเขาคิดยังไง ตกผลึกอะไร ซึ่งทางออกที่หนังได้หยิบยื่นให้ตัวละครในตอนจบช่างมีน้ำหนักที่บางเบา ยากจะเชื่อถือว่าตัวละครเหล่านี้จะมีแรงจูงใจแบบนั้นจริงๆ มันคือความแข็งขืนของพล็อตที่อยากจะจบเรื่องสรุปประเด็นที่ได้ท้าทายตั้งคำถามไว้อย่างเรื่อง "การโกง" โดยที่ทำให้ชีวิตจิตใจของตัวละครหล่นหายไป
ถึงกระนั้นความหนักแน่นที่หายไปในตอนท้าย ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกครบรสที่หนังทำไว้ดีมากตลอดเรื่องหายไป ฉลาดเกมส์โกง ยังคงมีคุณภาพที่เพียงพอจะเป็นหมุดหมายสำคัญของหนังไทย ที่ก้าวกระโดดในด้านเทคนิคการเล่าเรื่องได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ และเรียกคืนศรัทธาคนไทยกลับสู่วงการหนังไทยที่ซบเซาไปนานโขให้กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง แม้จะเป็นเพียงเจ้าเก่าเจ้าประจำเพียงเจ้าเดียวที่พอทำได้เช่นเคย
สรุปผลวิจารณ์หนัง