Geostorm - เมฆาถล่มโลก
หนัง Geostorm หรือชื่อไทยว่า เมฆาถล่มโลก ในอนาคตอันอีกไม่ไกล โลกจะมีดาวเทียมเพื่อช่วยควบคุมภูมิอากาศให้ทุกอย่างปกติ แต่วันดีคืนดี เจ้าดาวเทียมตัวนี้เกิดขัดข้องแล้วมันก็ก่อให้เกิดมหาภัยพิบัติทางธรรมชาติขึ้นทั่วโลก ทั้งสึนามิ, พายุลูกเห็บ, ลาวา, ทอร์นาโด, อากาศหนาวจัด และอีกมากมาย แต่โชคยังดีอยู่บ้างที่โลกมีนักวิศวกรด้านวิทยาศาสตร์ที่รับบทโดยเจอราร์ด บัตเลอร์ และเขาคือความหวังเดียวของมนุษยชาติที่จะขึ้นสู่อวกาศไปซ่อมเจ้าดาวเทียมเครื่องนี้
Geostorm When the network of satellites designed to control the global climate start to attack Earth, it's a race against the clock to uncover the real threat before a worldwide geostorm wipes out everything and everyone.
รีวิววิจารณ์หนัง (0)
Geostorm อีกหนึ่งภาพยนตร์ภัยพิบัติ ที่ถูกใจคอหนังบ้านเรา
ในยุคนี้ที่หนังที่เน้น CG ฉากแอคชั่น หรือภัยพิบัติมีมาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ และคำรีวิวจากเมืองนอกก็ไม่ได้มีเรื่องไหนเรียกได้ว่า ได้รับคำชมเลยซักที และในปีนี้ก็มี Geostorm อีกเรื่องนึงที่เลื่อนฉายมาจากปีก่อน #แสดงว่าตัวหนังน่าจะมีปัญหาเยอะมากแน่ ๆ จนต้องเลื่อนฉาย และมาลงล๊อคในเดือนตุลาคมปีนี้
ครั้งแรกที่หลายคนได้ชมตัวอย่างหนัง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า CG Effect ต่าง ๆ ดูลอย ดูไม่เนียน จนเรียกได้ว่านี่คือหนังเกรด B ฉายโรงอย่างไงอย่างงั้น เอาเป็นว่าความน่าดูหล่นวูปในทันใด จนมาในตัวอย่างล่าสุดนั้นได้มีการแก้ไข CG ให้ดูดีขึ้น เนียนขึ้นสมจริงขึ้นกว่าของเดิม หลายคนก็ใจชื่นขึ้นหน่อย แต่งาน CG ก็เรียกได้เต็มปากว่าไม่ดีเท่าหนังภัยพิบัติเรื่องอื่น ๆ ที่มีก่อนหน้านั้นเลย
หลัก ๆ คือตัวหนังพยายามที่จะเล่นใหญ่เกินงบประมาณไปหรือเปล่า ทำให้ CG ถีงได้ไม่ถึงใจไม่สมจริงขนาดนี้ ซึ่งจุดนี้ควรจะเป็นจุดขายของหนังเลยก็ว่าได้ เพราะหนังแนว ๆ นี้ในเรื่องของตัวบทนั้นไม่ค่อยมีค่ายหนังหรือผู้สร้างหนังสนใจให้ความสำคัญกับมันเท่าไหร่ แค่เล่า ๆ หาปม หาเหตุการณ์ให้มันโยงไปยังฉากภัยพิบัติที่คิดไว้ก่อนหน้านั้นเลยก็ว่าได้
หลังจากที่ได้ชมแล้วต้องบอกเลยว่า ก่อนเข้าไปชมนั้นมีการทำใจไว้เยอะมากว่าหนังมันต้องออกมาเละเทะแน่ ๆ แต่ปรากฏว่ามันบันเทิงกว่าที่คิดไว้มากจริง ๆ เนื้อเรื่องที่ดำเนินไปก็ไม่ได้ซับซ้อนใด ๆ พอเดาพล๊อตได้มีความพยายามที่จะหักมุมของตัวร้ายช่วงท้าย ซึ่งบางคนอาจจะเดาออกตั้งแต่ช่วงกลาง ๆ เรื่องแล้วด้วยซ้ำไป แต่นั่นไม่ใช่ point ของหนังอยู่แล้ว
หลายคนที่เข้าไปชมนั้นต้องการที่จะเห็นฉากภัยพิบัติหนัง ๆ แบบเวอร์วังอลังการ ในส่วนนี้ขอเตือนเลยว่าไม่ได้มีมากไปว่าในตัวอย่างทีตัดให้ชมเรียกน้ำย่อยเลย แต่ส่วนตัวคิดว่ามันก็มีเยอะพอสมควรกับเนื้อหาแล้ว ไม่ได้เยอะหรือยืดเยื้อหรือยัดเยียดจนเกินไป โดยรวมแล้วกำลังเหมาะสม พอดีกับตัวหนังเอง
ในส่วนของสิ่งที่ไม่ผิดความคาดหมายคือเรื่อง CG ของหนังนั้น มีความลอยและไม่เนียนอยู่บ้าง โดยเฉพาะฉากที่เป็นภัยพิบัติทางน้ำ ซึ่งไม่ค่อยสมกับเป็นหนังฉายโรงซักเท่าไหร่ (แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าในตัวอย่างแรกของหนังเรื่องนี้) และฉากที่ต้องชมในความเวอร์วังอลังการน่าจะเป็นฉากนอกโลก ฉากบนสถานีอวกาศนานาชาตินั้นทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว
สรุปแล้ว Geostorm เป็นภาพยนตร์ที่ส่วนตัวผมเองนั้นคิดว่าเหนือความคาดหมายมาก เพราะมันบันเทิงเกินคาดและคุ้มจริง ๆ แต่ใครที่ชอบดูหนังที่ต้องขบคิดหรือใช้สมองหนัก ๆ ในการชม ผมแนะนำให้ข้ามเรื่องนี้ไปเลยดีกว่า เพราะไม่ใช่แนวของคุณแน่ ๆ 7/10
สรุปผลวิจารณ์หนัง
ความคิดเห็น (0)
ดูแล้วไม่เสียดายตัง ลุ้นดีมักๆ
ปลื้ม
Geostorm - เมฆาถล่มโลก
109 min | Action/Sci-fi | Directed by Dean Devlin
หลังจากอยู่เบื้องหลังหนังไซไฟถล่มโลกของโรแลนด์ เอมเมอริช หลายต่อหลายเรื่อง ดีน เดฟลิน ผกก. ของเรื่องก็คันไม้คันมืออยากทำหนังภัยพิบัติถล่มโลกเป็นของตัวเองบ้าง แม้ว่าหน้าหนัง ชื่อเรื่อง จะดูเหมือนหนังแผ่นเกรดบีมากก็ตาม จีโอสตอร์ม เป็นเรื่องราวของโลกอนาคตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สภาพอากาศของโลกแปรปรวนสุดขีดทำให้โลกต้องตกอยู่ในสภาวะที่อันตรายสุด ๆ ชาวโลกจึงจับมือสามัคคีกันสร้างระบบดาวเทียมที่คอยควบคุมสภาพอากาศและคอยกำจัดภัยพิบัติต่าง ๆ นามว่า ดัชท์บอย จนอยู่มาวันนึงระบบเกิดทำหน้าที่ผิดปกติและทำให้สภาพอากาศหลายต่อหลายแห่งเกิดการแปรปรวนอย่างรุนแรงมีผู้คนล้มตายจำนวนมาก ความหวังสุดท้ายคือ เจค ลอว์สัน นักวิทยาศาสตร์ที่คลุกคลีกับดัชท์บอยมาอย่างยาวนาน จะต้องหยุดยั้งการทำงานที่ผิดพลาดก่อนที่มนุษย์โลกจะสูญพันธุ์
ให้ตายสิเล่าเรื่องย่อแล้วรู้สึกเหมือนแทบจะเล่าหนังทั้งเรื่องแล้ว ยิ่งถ้าคุณดูหนังโรแลนด์มาเยอะมาก คุณก็แทบจะคาดเดาได้เลย แล้วพัซเซิ่ลต่าง ๆ ในเรื่องก็ง่ายที่จะปะติดปะต่อมาก แทบจะไม่มีหนังเรื่องไหนที่คุณจะคาดเดาง่ายไปมากกว่านี้ แต่ให้ตายสิอีกแล้ว หนังมันก็กลับดูสนุกของมันประมาณนึงเลยนะ มันซ้ำซากจำเจ แต่ก็ยังดูเพลินได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แล้วงานสร้างในภาพรวมก็ไม่ถึงกับบีอะไรมากนักด้วย หรืออาจจะด้วยหนังมันไม่สั้นไม่ยาวเกินไป กำลังพอดี และมี pacing ที่ค่อนข้างดี มันเลยไม่มีช่วงน่าเบื่อ (ถ้าจะมีก็อาจเป็นช่วงแรก) หนังมันเลยย่อยง่าย และบันเทิงประมาณนึง
หลังจากเบลดรันเนอร์มาเดือนตุลาคม หนังที่น่าสนใจมีให้เลือกไม่เยอะมากนัก ใครที่มองหาความบันเทิงย่อยง่าย ก็ลองดูที่เรื่องนี้ได้ครับ ไม่เด๋ออย่างที่คิดไว้
สรุปผลวิจารณ์หนัง