โอเวอร์ไซส์..ทลายพุง - Over Size
หนัง Over Size หรือชื่อไทยว่า ทลายพุง “แคน หยอย โอ ปลื้ม” 4 โปลิศหุ่นใหญ่ไซส์ 100 กิโลอัพ แห่ง สภ.สะพานชัน ผู้พลาดการจับโจรปล้นทองด้วยเหตุผลสุดตะเตือนไต “รถตำรวจไล่ผู้ร้ายไม่ทัน เพราะน้ำหนักเกิน” ทำให้ทั้งสี่ต้องเจอบทลงโทษด้วยการลด “น้ำหนัก” ให้ได้ 30 โลใน 3 เดือน ตามคำสั่งของผู้กำกับจอมเฮี๊ยบ ผู้มีคติประจำใจ “จะไม่ยอมให้ตำรวจไทยเสียภาพพจน์แม้ปลายขี้เล็บ” ร้อนถึง “ผู้กองเจตน์” หมวดหนุ่มหุ่นดีมาดกวน หัวหน้าของ 4 จ่า ที่อาสามาเป็นเทรนเนอร์จำเป็น เคี่ยวเข็ญให้ทั้งสี่ต้องฟิตเพื่อความเฟิร์ม กับสารพัดตำราที่งัดมาช่วย ทั้งวิ่ง ทั้งปะทะ กับเกมกีฬาสุดโหด แต่ 1 เดือนผ่านไป หุ่นของ 4 หนุ่มก็ไม่ได้ “ผอมเพรียว” ลงแม้แต่น้อย ผู้กองเจตน์จึงต้องใช้มาตรการขั้นสุดด้วยการอัดคาร์ดิโอเต็มคลาส คุมแคลอรี่เต็มคอร์ส และจัดอาหารคลีนแบบเต็มขีด สี่หนุ่มฝึกหนักจนแทบอ้วกออกมาเป็นผัก ขณะที่ใจก็ฝักใฝ่แต่หมูกระทะ อาหารสุดโปรดประจำแก๊งค์ แต่ท่ามกลางการออกกำลังจนร่างแทบสลาย ก็ยังมีสิ่งที่ทำให้จ่าทั้งสี่ได้ชุ่มฉ่ำใจ ดุจมีโอเอซิสผุดขึ้นมากลางทะเลทราย นั่นคือครูฝึกสาวสุดน่ารักที่ชื่อ “มีน” ผู้มาพร้อมท่าเต้น “ซุมบ้าแดนซ์” อันแสนคึกคัก พาให้สี่ หนุ่มกระชุ่มกระชวยขึ้นทันตาเห็น โดยเฉพาะจ่าแคน ที่ดูเหมือนจะปิ๊งมีนตั้งแต่แรกพบ โดยมีจ่าหยอยคอยเป็นป๋าดัน ทั้งชงทั้งตบให้แคนอย่างออกนอกหน้า โดยไม่ถามมีนสักคำว่ามีใจให้จ่าแคนบ้างมั้ย แล้วเรื่องหนักอกก็มาเยือน เมื่อรถขนเงินของธนาคารดัง ถูกแก๊งค์โจรลึกลับฉกเงินสด 5 ล้านบาทหายเข้ากลีบเมฆไปในเวลากลางวันแสก ๆ โดยใช้เวลาปล้นเพียง 13 วินาที คดีนี้ทำให้สายสืบหุ่นใหญ่ทั้งสี่ ต้องพักการลดน้ำหนักเป็นช่วง ๆ เพื่อสลับกับการตามสืบคดีแก๊งค์ 13 วิควบคู่ไปด้วย เวลา 3 เดือนของการวัดผลใกล้เข้ามา คดีร้อนก็ยังไม่คลี่คลาย จ่าทั้งสี่จะเลือกทุ่มเทให้กับอะไร ระหว่าง “การลดน้ำหนักให้ได้” เพื่อเอาตัวให้รอด หรือ “ต้องจับผู้ร้ายให้ได้” เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี ที่ครั้งหนึ่งเคยทำพลาด ให้กลับมาเป็นที่ยอมรับของคนในกรมฯ อีกครั้ง
ถือเป็นความกล้าหาญที่น่าชื่นชมเมื่อค่ายเกิดใหม่อย่าง T Moment เปิดตัวหนังเรื่องแรกโดยกล้าที่จะไม่ใช้องค์ประกอบสำคัญอย่างดาราแม่เหล็กเลย รวมถึงไอเดียตั้งต้นของพล็อตก็ดูมีความน่าสนใจจับประเด็นร่วมสมัยอย่างปัญหาคนอ้วน วิธีการสร้างไอเดียจากอินไซส์ผู้คนในสังคมปัจจุบันทำให้หนังมีบทสนทนาที่เป็นกับเองกับผู้ชมกลุ่มแมส ปะหน้าด้วยความคาดหวังถึงรสคอเมดี้เต็มๆ ทำให้ “โอเวอร์ไซส์..ทลายพุง” ถูกคาดหวังให้เป็นหนึ่งในหนังน่าจับตาที่จะกวาดรายได้หลักร้อยล้านกู้วิกฤตศรัทธาวงการหนังไทยอยู่ไม่น้อย
หนังค่อนข้างมีมาตรฐานที่ดีในการเล่าเรื่อง ทั้งจังหวะจะโคนในการปล่อยมุกตลก การผสมผสานระหว่างคอเมดี้กับดราม่าบางๆ งานด้านภาพ ซาวด์ โปรดักชั่นทุกอย่างทำได้อยู่หมัด แต่สิ่งที่ดูจะเป็นจุดอ่อนมากที่สุดของหนังดูจะเป็นเรื่องบทภาพยนตร์ที่ยังอ่อนอยู่มากทั้งในเชิงตรรกะความน่าเชื่อถือ มุกตลกที่ไม่สดใหม่เท่าไหร่ รวมถึงไม่ได้ทำหน้าที่พาคนดูไปไกลกว่าความคาดหวังพื้นๆ เท่าที่ควร
อีกประเด็นที่หนังยังทำได้ไม่เฉียบคมนักคือจังหวะกำกับคอเมดี้ที่ยังดูขาดพลัง ขาดลูกบ้าบางอย่างที่ทำให้ความตลกในหนังมีความเป็นเอกลักษณ์มากพอ สุดทางมากพอ ทุกอย่างดูกลางๆ เซฟๆ ไปเสียหมด แต่เรื่องของมุกตลกนั้นก็เป็นเรื่องรสนิยมส่วนบุคคลที่ไม่มีมาตรวัดได้ที่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามพอเป็นรูปแบบของภาพยนตร์ ความสด แปลกใหม่ เอกลักษ์ไม่เหมือนใครน่าจะเป็นสิ่งที่เราน่าจะคาดหวังจากผู้สร้างได้เสมอ
โดยรวมแล้ว “โอเวอร์ไซส์..ทลายพุง” เป็นหนังที่ยังมีข้อบกพร่องสำคัญอยู่บ้างแต่ก็ถือว่ามีความครบรสหากใครคาดหวังอยากดูหนังคอเมดี้เจือดราม่าบางๆ และถูกจริตกับมุกตลกในหนังก็คงเอ็นจอยกับหนังได้อย่างเต็มที่ นับเป็นการเริ่มต้นที่กล้าหาญของ T Moment อีกหนึ่งค่ายที่เป็นความหวังของวงการหนังไทยที่น่าอุดหนุนเอาใจช่วยในวันที่วงการหนังไทยซบเซาลงไปทุกที
สรุปผลวิจารณ์หนัง