0 War+for+the+Planet+of+the+Apes+-+%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%9E%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3

War for the Planet of the Apes - มหาสงครามพิภพวานร

เข้าฉาย 13 กรกฎาคม 2560
ผู้ชม : 52,242
ผู้กำกับ : Matt Reeves (แม็ตต์ รีฟส์)
ความยาวหนัง : 140.00
Text Size

หนัง War for the Planet of the Apes หรือชื่อไทยว่า มหาสงครามพิภพวานร ในภาพยนตร์เรื่อง War for the Planet of the Apes ผลงานตอนที่ 3 ของแฟรนไชส์เรื่องดัง ซีซาร์และฝูงวานรต้องพบกับปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มมนุษย์ที่นำโดยผู้พันผู้โหดเหี้ยม หลังจากที่ฝูงวานรต้องพบกับความสูญเสียที่เจ็บปวดอย่างคาดไม่ถึง ซีซาร์ต้องต่อสู้กับสัญชาตญาณที่โหดร้ายมากขึ้น และเริ่มต้นการเดินทางแห่งตำนานเพื่อล้างแค้นเผ่าพันธุ์ของเขา เมื่อท้ายที่สุดการเดินทางได้พาพวกเขามาเผชิญหน้ากัน ซีซาร์และผู้พันต้องเผชิญหน้ากัน ในการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่จะกำหนดชะตากรรมสายพันธุ์ของพวกเขาและอนาคตของโลก ผู้กำกับฯ : แมตต์ รีฟส์ นักแสดง: แอนดี้ เซอร์คิส, วูดดี้ ฮาร์เรลสัน, สตีฟ ซาห์น, โทบี้ เคบเบล


หนัง War for the Planet of the Apes หรือชื่อไทยว่า มหาสงครามพิภพวานร After the apes suffer unimaginable losses, Caesar wrestles with his darker instincts and begins his own mythic quest to avenge his kind.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

16 กรกฎาคม 2560 11:30:39

รีวิว จัดหนัก !!! บทสรุปของสงครามของสองเผ่าพันธุ์ ฉบับเด็กเดินตั๋ว [ไม่สปอยล์]

ทันทีที่เด็กเดินตั๋วได้ตีตั๋วเข้าไปดูบทสรุปไตรภาค ค้นพบว่าความรู้สึกของเด็กเดินตั๋วตลอดทั้งเรื่องเป็นอย่างนี้...

เริ่มต้น - || ระทึกขวัญ - กดดัน - ตื่นเต้น - พุ่งพล่าน - สะเทือนใจ- ลุ้นระทึก || - วนไป x 10 ตลอดเรื่อง - จบ

จากกราฟอารมณ์นี้เด็กเดินตั๋วชักไม่แน่ใจว่ามาดูหนัง หรือขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาอยู่กันแน่ อารมณ์ของหนังแทบไม่เว้นจังหวะให้พักหายใจ หรือเนือยเบื่อแม้แต่น้อย มีแต่ความลุ้นระทึก อะดีนารีนสูบฉีดตลอดทั้งเรื่อง สะกดอารมณ์ของเด็กเดินตั๋วให้อยู่กับหนังได้ตลอดทั้งเรื่อง แต่ต้องบอกทุกท่านก่อนว่ารสชาติหนังเรื่องนี้ไม่เหมือนภาคแรก (Rise) ภาคที่สอง (Dawn) เลย ภาคแรกให้อารมณ์หนัง Sci-Fi ที่สนุกเข้มข้น และมีฉาก Action ที่ออกแบบงานสร้างมาอย่าง “เพอร์เฟกต์” ส่วนภาคสองเป็นหนัง Action ยุทธวิธีการต่อสู้ระหว่างสองเผ่าพันธุ์ แต่สำหรับภาคนี้จะถูกใจสายหนังสงคราม ยุทธวิธีทางทหาร การเอาตัวรอดในศึกสงคราม เรื่องราวของแผนการรบและชั้นเชิงเสียมากกว่าการต่อสู้บู๊ระห่ำ (หลักๆ การต่อสู้จะเป็นเชิงยุทธวิธีมากกว่ายิงกันตู้มๆ) และด้วยความเป็นหนังสงคราม แน่นอนว่าจะมีลูกดราม่าของชีวิต ความเป็นความตาย และแนวคิดปรัชญาทางสังคมผสมผสานไว้อยู่แล้ว และสำหรับหนังสงครามสำหรับเด็กเดินตั๋วมองว่ามีคุณค่ามากกว่าภาพยนตร์แอ็คชั่นมากมายในท้องตลาด เนื่องจากงานออกแบบทุกอย่างท้าทายและยากกว่าหนังแอ็คชั่นอย่างมาก ทั้งการออกแบบตัวละคร การใส่วิธีการคิด วิเคราะห์ ปูมหลัง การสื่อสารเชิงความคิด นามอธรรม การออกแบบอารมณ์ ซึ่งหนังเรื่องนี้ทำได้ออกมาได้อย่างเข้มข้น ตามกราฟอารมณ์ขณะเด็กเดินตั๋วได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เลย

“สมบูรณ์แบบ”

เป็นการจบไตรภาคเรื่องราวการกำเนิดของอารยธรรมใหม่ของโลก ที่มีลิงเป็นผู้ปกครองสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์แบบและงดงามมาก เราได้เห็น ซึมซับ และติดตามเอาใจช่วยผ่านลิงน้อยที่ชื่อซีซาร์จากภาคแรก (Rise) จนเกิดโรคระบาดในมนุษย์ และวานรได้พัฒนาการขึ้นมาต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ (Dawn) และเรื่องราวการดำรงอยู่ อนาคตของทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้เกิดบทสรุปขึ้นในภาคนี้ (War) ซึ่งได้ตอกย้ำความสมบูรณ์แบบของเรื่องราวไตรภาคได้อย่างสมศักดิ์ศรีและการรอคอยจริงๆ สมบูรณ์แบบทั้งเนื้อเรื่องและงานสร้าง ซึ่งต้องชื่นชมผู้กำกับเจ้าเก่าจากภาคที่แล้วด้วย (ได้ข่าวว่าเฮียกำลังจะไปกำกับแบทแมนให้จักรวาลดีซีอีกด้วย...อันนี้ปักหมุดรอดูเลย) งานสร้างทำได้เนียบมากๆ เป็นหนังสงครามชั้นดีเรื่องนึงเลย ทำให้เด็กเดินตั๋วอยากย้อนกลับไปดูภาคแรกใหม่เลย ทำให้รู้สึกผูกพันกับแฟรนไชส์นี้มากๆ การแสดงของนักแสดงนำก็สื่อสารทำให้เราเห็นพัฒนาการ วิธีการคิดที่โตขึ้นของซีซาร์ ด้านมืด พลังใจ และความเฉลียวฉลาดได้อย่างเฉียบคม เด็กเดินตั๋วรู้สึกชื่นชอบคาแรกเตอร์ และการแสดงอารมณ์ของซีซาร์ที่แตกต่างกันออกไปในทุกๆ ภาคมาก ส่วนงานภาพดีงามมากๆ ทั้งมุมกล้อง การเคลื่อนไหว สี รวมไปถึงซีจีทั้งหมดทั้งมวลให้ความสมจริงและน่ากลัวมากๆ เด็กเดินตั๋วเข้าไปอยู่ในโลกของลิงปลอม โดยที่ลืมนึกถึงไปเลยว่าเป็นซีจี ทุกอย่างทำให้เราเชื่อมากๆ เข้าไปอยู่กับหนังได้อย่าง100% เลย การออกแบบฉากแอ็คชั่นหรือฉากต่อสู้ ก็ทำได้อย่างดีไร้ที่ติด ส่วนงานเสียง ขอยกความดีความชอบให้เพลงประกอบ ที่แบบเร้าอารมณ์ได้ถึงใจสุดๆ ทุก score เพลงที่ได้รับฟังล้วนสะเทือนไปถึงหัวใจ ไม่ว่าจะบิวต์อารมณ์ไหนๆ ก็ทำได้อย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติจริงๆ 

สุดท้ายก่อนสปอยล์ อยากแนะนำให้ทุกท่านที่ไม่ดูสองภาคแรกมาก่อน ให้ไปดูมาก่อนจะดูเรื่องนี้จะดีกว่า และเรื่องนี้ไม่ได้แอ็คชั่นมันส์หยดติ๋งตู้มต้าม แต่เป็นหนังสงครามชั้นเลิศเรื่องหนึ่งเลย ขอเชิญทุกท่านเลยให้ไปรับชมและรับคำตอบ หรือการปลดปล่อยจากไตรภาคพิภพวานรอย่างสมบูรณ์แบบร่วมกัน...

- เด็กเดินตั๋ว -

สปอยล์ สำหรับคนที่ดูแล้วคาใจ หาใครคุยด้วย มาคุยกับเด็กเดินตั๋วได้เลย....
 

คลิกเพื่อซ่อนหรือแสดงข้อความ
 

 

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
10
การดำเนินเรื่อง
10
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
10
คะแนนเฉลี่ย
10
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
15 กรกฎาคม 2560 16:59:18

War for the Planet of the Apes - มหาสงครามพิภพวินร

140 min | Action/Drama | Directed by Matt Reeves 

หลังจากที่ภาคแรกของหนังวานรครองโลกอย่าง Rise of the Planet of the Apes เข้าฉายไปเมื่อปี 2011 ในที่สุดเราก็เดินทางมาสู่ภาคสุดท้าย ซึ่งเป็นการปิดไตรภาคอย่างเป็นทางการเสียที ซึ่งตอนภาคแรกหลายคนอาจจะยังเฉยๆ เพราะหนังแค่ดูได้เพลินๆ สนุกๆ แต่การมาของผู้กำกับ แมตต์ รีฟส์ ผู้เคยฝากผลงานหนังเอเลี่ยน/ฟาวน์ฟุตเทจ ยอดเยี่ยมอย่าง Cloverfield ไว้ก็ยกระดับภาคต่ออย่าง Dawn of the Planet of the Apes ให้มีความคมคาย ลึกซึ้ง และน่าติดตามมากขึ้นเลยทีเดียว และในภาคนี้ก็ต่อเนื่องจากภาคก่อน โดยกลุ่มของซีซาร์ต้องเผชิญหน้ากับผู้พันผู้โหดเหี้ยมที่มาพร้อมกับกองทหารที่คอยเก็บกวาดเหล่าวานรให้สิ้นซาก สงครามครั้งสุดท้ายจะเป็นตัวชี้วัดว่าใครจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่จะดำรงอยู่

การมาของภาคนี้ทำให้ผมพูดได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า หนังไตรภาคพิภพวานร กลายเป็น 1 ในหนังไตรภาคที่ดีที่สุดตลอดกาลเรื่องนึงเลยก็ว่าได้ เพราะในภาพรวมของหนังมีการดำเนินเรื่องที่น่าสนใจ โครงสร้างเรื่องที่แข็งแรง และการคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์การเสียดสีสังคมและการเมือง อย่างที่เวอร์ชั่นก่อนพูดถึง และผมชอบความหมายของชื่อภาคในแต่ละภาคมาก

คลิกเพื่อซ่อนหรือแสดงข้อความ
 

RISE เมื่อมนุษย์เดินทางมาถึงจุดอิ่มตัวเฉกเช่นกับสายพันธุ์ที่อยู่มาก่อนเรา ก็ถึงเวลาที่จะถือกำเนิดและพิสูจน์ตนต่อโลกว่าสายพันธุ์ใหม่นี้คู่ควร DAWN การเริ่มต้นสู่อารยธรรมของสิ่งมีชีวิตนี้ และท้ายที่สุดครับ WAR คือคำตอบของการสิ้นสุดอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตเดิม การต่อสู้กันเองเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของสายพันธุ์และมวลมนุษยชาติ ซึ่งจากการดูภาพรวมของหนังทั้ง 3 ภาค เราจะเห็นถึงการก้าวถอยหลังของมนุษยชาติ จนทำให้สะท้อนคิดถึงสังคมโลกเลยทีเดียวว่าหากดำเนินต่อไปแบบนี้ก็ไม่ต่างจากเหล่ามนุษย์ในหนังตระกูลพิภพวานรเลย

สลัดเรื่องการเมืองทิ้งไปก่อนในภาคนี้ เป็นอีกภาคที่ผมรู้สึกประทับใจมาก มันมากในระดับเดียวกับภาคก่อน เพียงแต่ให้อารมณ์ที่ต่างกัน เพราะใน WAR ผมรู้สึกว่าโทนหนัง และตัวซีซาร์ดำเนินมาถึงจุดที่โตมากแล้ว แต่ก็ยังมีการขัดแย้งในใจอยู่ (การหลอกหลอนของตัวละครนึงในภาคก่อนนี่ทำเอาผมนึกถึงโจ๊กเกอร์เลยนะ) ในภาคนี้กราฟการดำเนินเรื่องก็จะไปเรื่อยๆ เนือยๆ ประมาณนึง ไม่ฉูดฉาดมาก แต่ก็ไม่น่าเบื่อครับ ไม่เน้นยกพวกบู๊แต่เป็นเหมือนสงครามเย็นมากกว่า 

ตลอดทั้งเรื่องเต็มไปด้วยซีนสวยๆ เยอะมาก มันน่าประทับใจมากจริงๆ โดยเฉพาะตัวละครของซีซาร์ ซึ่งนอกจากจะชมเทคนิควิชวลต่างๆ แล้ว ยังต้องชมการแสดงของ แอนดี้ เซอร์กิส ผู้รับบทนี้ด้วย แสดงออกมาได้ดี และทำให้ซีซาร์เป็นตัวละครที่มีมิติมากๆ เป็นเหมือนเลือดลมและหัวใจของหนังเรื่องนี้เลยทีเดียว 

ต้องบอกว่าหากใครชมมาทั้งสองภาคแล้ว ไม่มีเหตุผลที่คุณจะพลาดภาคสุดท้ายนี้ด้วยประการทั้งปวงเลยครับ ยิ่งในภาคนี้มันเต็มไปด้วยการเสียดสี อารมณ์หดหู่ ซาบซึ้ง และยังมีอารมณ์ขันสอดแทรก ไม่ให้หนังมันหนักมากจนเกินไปด้วย ออกมาเป็นรสชาติที่กลมกล่อมน่าประทับใจมาก ซึ่งใครที่ยังไม่เคยชมมาก่อน แนะนำให้ชมภาค 1 และ ภาค 2 มาก่อนนะครับถึงต้นเรื่องภาค 3 จะมีซีเควนซ์ที่สรุปให้คร่าวๆ แต่ก็อาจจะไม่อินเท่าดูมาก่อน ผมไม่อยากให้พลาดหนังไตรภาคพิภพวานรเวอร์ชั่นนี้เลย มันให้อะไรเยอะมาก หรือดูแค่เอาสนุก เพลิดเพลิน ก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวครับ

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
9.5
การดำเนินเรื่อง
9.5
ดนตรีประกอบ
9.5
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
10
คะแนนเฉลี่ย
9.7
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)