0 The+Hobbit+3+-+%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B0+%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%97+%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1+5+%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9E

The Hobbit 3 - เดอะ ฮอบบิท สงคราม 5 ทัพ

เข้าฉาย 18 ธันวาคม 2557
ผู้ชม : 9,977
ผู้กำกับ : Peter Jackson
ความยาวหนัง : ไม่ระบุ
Text Size

บทสรุปไตรภาคการผจญภัยของ บิลโบ แบ๊กกินส์ (มาร์ติน ฟรีแมน), ธอริน โอเคนชีลด์ (ริชาร์ด อาร์มิเทจ) และคณะคนแคระที่ทวงคืนบ้านเกิดของตนจาก มังกรสมอว์ก (พากย์เสียงโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์) และได้ปลุกพลังอันชั่วร้ายขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ สมอว์กโกรธแค้นและได้พ่นไฟทำร้ายมนุษย์ทั้งหญิงชายและเด็กๆ ที่ไม่มีทางสู้ในเมืองทะเลสาบด้วยความคั่งแค้น ด้วยความต้องการที่จะไปทวงคืนทรัพย์สมบัติ ธอรินยอมเสียสละมิตรภาพและเกียรติยศเพื่อใส่ร้ายว่าเป็นแผนชั่วของบิลโบ เพื่อทำให้ฮอบบิทเดินหน้าต่อไป แต่กลับมีอันตรายที่โหดร้ายกว่ารออยู่เบื้องหน้าซึ่งไม่มีใครมองเห็นได้นอกจาก พ่อมดแกนดัล์ฟ (เอียน แมคเคลเลน) นั่นคือศัตรูผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ซอรอน ได้เคลื่อนทัพไปพร้อมกับกองทัพออร์คเพื่อแอบซุ่มโจมตีพวกเขาที่หุบเขาเดียวดาย การต่อสู้ของพวกเขาทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คณะคนแคระ พวกเอลฟ์ และมนุษย์ต้องเลือกว่าจะร่วมมือกันหรือยอมถูกทำร้าย เพื่อให้อนาคตของมิดเดิ้ลเอิร์ธตั้งอยู่บนความสมดุล

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

31 ธันวาคม 2557 16:43:14

 

เดินทางมาสู่บทสรุปของ The Hobbit [NO SPOIL]

 

มนุษย์ มังกร คนแคระ เอลฟ์ และ ออร์คทำศึกเพื่อแย่งชิงขุมทรัพย์มหาศาลในวังแห่งโอเคนชิลด์ ที่เหล่าคนแคระพร้อมด้วยพ่อมดแกรนด์ดราฟและ “บิลโบ” ฮอบบิทหัวขโมยออกดั้นด้นผจญภัยต่างๆนาๆเข้ามาเพื่อทวงคืนบ้านเกิดและขุมทรัพย์มหาศาลทั้งหมดภายในนั้น บทสรุปทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่นี่

 

The Hobbit The Battle of the Five Armies ภาคจบที่รับประกันความมันส์ระดับทะลุขีดจำกัด ไม่ทำให้แฟนๆที่รอคอยภาคจบของตำนาน The Hobbit ผิดหวังอย่างแน่นอน จากวรรณกรรมคลาสสิคที่ปู่ทวด เจ. อาร์ อาร์. โทคีน เขียนไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2480 ก่อนประพันธ์เรื่อง Lord of the ring เกือบยี่สิบปี ถูกปลุกตำนานขึ้นมาเป็นภาพยนตร์ไตรภาค ที่กำกับโดยเฮีย ปีเตอร์ แจ็กสันเจ้าเก่า ที่ฝากผลงานLord of the Ring ไตรภาคและ The Hobbit สองภาคล่าสุด รับประกันความมันส์ระดับฟินเวอร์!!! วิชวลเอฟเฟคตระการตาเกินจินตนาการเช่นเดิม!!!

 

ภาพรวมจะเป็นเรื่องราวของการทำสงครามคล้ายๆ LOTR ภาคสองและภาคสาม แต่ได้ความรู้สึกในการทำสงครามที่แตกต่างกันออกไป แม้ว่าจะไม่ยิ่งใหญ่อลังการเท่า LOTR ภาคสองแต่ก็ได้ความรู้สึกฮึกเหิม หนักแน่น แอ็คชั่นไม่แพ้กันในการต่อสู้ แต่The Hobbit ภาคนี้จะเน้นความสำคัญความสำคัญในการถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครมาก ไม่ว่าจะเป็นธอรินที่ต้องต่อสู้กับจิตใจตัวเอง เฮียปีเตอร์ก็ให้ความสำคัญในการเล่าเรื่องตรงส่วนนี้เช่นกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเลโกลัส ธอเรียล(เอลฟ์สาว)และคิลี (คนแคระหนุ่ม อนุชาของธอริน) ซึ่งในเรื่องส่วนนี้ไม่มีในนิยายแต่อย่างใด แต่เป็นการใส่รายละเอียดเพิ่มเติมของเฮียปีเตอร์ รวมไปถึงภารกิจของเลโกลัสทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบด้วย ซึ่งทำให้เชื่อมต่อกับ ภาพยนตร์ไตรภาค LOTR ได้อย่างมีมิติมากขึ้น 

 

ในภาคนี้ได้นักแสดงจากภาคเดิมมาเล่นทุกคน ไม่ว่าจะเป็น บิลโบ รับบทโดย มาร์ติน ฟรีแมน , แกรนด์ดราฟ โดย  เอียน แมคเคลเลน , ธอริน โดย  ริชาร์ด อาร์มิเทจ , บาร์ด โดย ลุก อีแวน และ เลโกลัส โดย โอแลนโด บลูม พร้อมด้วยนักแสดงรับเชิญต่างๆจาก LOTR เช่น เลดี้การาเดียล โดย เคท บลังเชด เป็นต้น

 

The Hobbit ภาคนี้มีระดับความสนุกเพลิดเพลินอยู่มาก ด้วยจังหวะหนัง เพลงประกอบ วิชวลเอฟเฟคต่างๆ อารมณ์ขันเล็กน้อยและวิธีการเล่าเรื่องทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมไปกับภาพยนตร์ เป็นอย่างดี และหากใครเป็นแฟน LOTR  และ เดอะฮอบบิทอยู่แล้วภาคจบนี้จะทำให้คุณอยากย้อนกลับไปดู LOTR ให้ครบอีกสักครั้งเลยทีเดียว

 

-เด็กเดินตั๋ว-

 

31-12-14

 

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
10
การดำเนินเรื่อง
10
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
10
คะแนนเฉลี่ย
10
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
27 ธันวาคม 2557 21:54:22
้hobbit
The Hobbit Battle of the Five Armies บทส่งท่ายตำนานมิดเดิลเอิร์ธอันแสนสั้น
 
พูดถึงเดอะฮอบบิท หลายๆคนก็คงเคยผ่านๆตามาแล้วในภาค 1 และ 2 เมื่อปีสองปีก่อนเป็นเรื่องราว 60 ปีก่อนเกิดเหตุการณ์ใน The Lord of the Rings ซึ่งผู้ดำเนินเรื่องไม่ใช่ใครอื่นใดนอกจากฮอบบิทที่ชื่อว่าบิลโบ้ (ลุงของโฟรโด้ ผู้ที่นำแหวนไปทำลายนั่นเอง) เนื่องจากเป็นหนังสื่อเล่มเดียวที๋โดนแบ่งออกเป็นหนัง 3 ภาค ภาคแรกจะเกริ่นเรื่องราวการรวมตัวของตัวละครเท่านั้น เป็นภาคที่ยืดเยื้อมากแต่ด้วยเทคนิค CG ช่วยให้หนังไปรอดมากๆ ภาค 2 ก็ต่อจากภาคแรกและตัดจบแบบอารมณ์ค้างอยากด่า ผู้กำกับมาก ซึ่งการตัดจบแบบนี้ผมชอบนะเพียงแต่จะหวั่นๆเมื่อภาคใหม่นั้นเข้าฉายอารมณ์ความต่อเนื่องมันจะไม่มีแล้วนี่สิ ภาค3 นี้พอได้ชมก็เป็นไปตามคาดคือ ต่อจากตอนท้ายภาค 2 ทันทีช่วงที่มังกรสม็อกบินออกจากเอเรบอร์เพื่อมาทำลายเมื่อทะเลสาป และโดนฆ่าตายโดยเร็วพลัน(เหมือนภาคนี้พี่แกไม่สำคัญซะอย่างงั้น) แล้วก็ดำเนินต่อด้วยว่าหลายเผ่าพันธ์ในมินเดิลเอิร์ธได้รู้ข่าวการตายของเจ้ามังกรนี้ต่างยกทัพมาเพื่อแย่งชิงเอเรบอร์ เนื้อเรื่องภาคนี้จะกระชับพอสมควรเพราะมันไม่เหลืออะไรให้เกริ่นแล้ว เดินหน้าแอคชั่นๆอย่างเดียว(แต่เพื่อไม่ให้มันกลายเป็นหนังแอคชั่นระเบิดตูมตามแบบ ทรานส์ฟอร์เมอร์) ตัวหนังเองยังมีมุมความรักของคิลี่และธอเรียล คนแคระและเอลฟสาว ดราม่าเรื่องธอร์รินที่กำลังจะเป็นบ้าเพราะพิษจากสมบัติในเอรเบอร์สอดแทรกเข้าไปด้วย ตัวหนังโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกได้ว่าสนุกถูกใจคอหนังบ้านเราแน่ๆ เพราะแอคชั่นฉากสงครามก็สมกับรอคอยจริงๆ 45 นาทีจัดเต็ม เพียงแต่มันจะไม่มหากาฟอลังการสุดแบบเดียวกับ The Lord เท่านั้นเอง
 
ภาพสามมิติถือว่าเป็นการพัฒนาอีกชั้นของหนังชุดนี้เพราะมีความเป็นสามมิติมากขึ้นพุ่งทะลุจอมากขึ้นมากกว่าภาคก่อนๆ 
เพลงประกอบก็อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าดีเสมอตัวเพราะคนแต่งเพลงประกอบเป็นคนเดิมมีการเอาเพลงจากภาคที่แล้วมีรีไซเคิลด้วยนิสหน่อยพอหอมปากหอมคอ
 
โดยรวมเดอะฮอบบิทภาคนี้เป็นการปิดตำนานแห่งมิดเดิลเอิร์ธได้เสมอตัว คือไม่ได้พีคแบบ The Lord ถ้านับจากความบันเทิงที่ได้ ผมให้ 9/10 ไปเลย

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
10
คะแนนเฉลี่ย
8.4
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)

GUEST
ต้อย
26 มีนาคม 2558 15:38:03
เยี่ยม..
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
GUEST
kkhuyfy
4 มกราคม 2558 18:43:57
ดี
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย