ดูขนาดท่อPVC ดูตรงไหน?
การดูขนาดท่อPVC ถือว่าเป็นปัญหาไม่น้อยสำหรับมือใหม่ที่ประสบปัญหาเวลาที่ต้องออกไปซื้อ เนื่องจากไม่สามารถบอกช่างได้ว่า ขนาดของท่อพีวีซีที่ต้องการนั้นคือขนาดเท่าไร? วันนี้เราจึงจะมาแชร์เทคนิคดูขนาดท่อแบบมือโปรกัน รับรองว่าหลังจบบทความนี้ คุณจะสามารถดูและซื้อท่อพีวีซีและข้อต่อท่อพีวีซีได้อย่างถูกต้อง ไม่ผิดไซส์แน่นอน
โดยปกติแล้ว ท่อพีวีซีทุกท่อจะมีจะมีการสกรีนขนาดของท่อไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ ขนาดนิ้ว-มิลลิเมตร แต่สำหรับมือใหม่การอ่านขนาดของท่อที่สกรีนไว้อาจจะเป็นเรื่องที่ยาก และมีคนจำนวนไม่น้อยที่มักจะพกไม้บรรทัดไปวัดขนาด ซึ่งแน่นอนว่า วิธีนี้เป็นวิธีที่ผิดมาก เพราะนอกจากเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องแล้ว ยังเสียเงินเปล่าเพราะซื้อไปผิดขนาดอีกด้วย
เทคนิคก่อนซื้อ ดูขนาดท่อPVCแบบมืออาชีพ! ไม่ต้องง้อช่าง
วิธีดูท่อพีวีซีนั้น สำหรับมือใหม่หัดซื้ออาจจะงงว่า ต้องดูตรงไหน อะไร ยังไง เราขออนุญาตแนะนำว่า ให้ยึดหลัก 4 ข้อดังนี้
1.ขนาด หรือ ไซส์ (นิ้ว/หุน)
2.ชั้นความดันท่อ
3.สีของท่อพีวีซี
4.สัญลักษณ์คุณภาพ
1.ขนาด หรือ ไซส์ (นิ้ว/หุน)
ท่อพีวีซีทุกขนาดและทุกยี่ห้อ จะมีขนาดของท่อสกรีนไว้อย่างชัดเจนบนท่อ ซึ่งหน่วยที่เรียกบนท่อก็คือ นิ้ว (หรือศัพท์ช่างจะเรียกว่า “หุน”) ทำให้หลายคนมักเข้าใจผิดว่า เป็นหน่วยเดียวกันการใช้วัดแบบปกติ จึงนำไม้บรรทัดมาวัดกัน แต่ความจริงแล้วหน่วยนิ้วที่ใช้เรียกนั้นเป็นเพียงคำเรียกเฉยๆ เท่านั้น วิธีดูที่ถูกต้องก็คือ ให้ดูตัวเลขที่สกรีนบนท่อเลย
2.ชั้นความดันท่อPVC
ชั้นความดันท่อ คือ มาตราฐานคุณภาพที่ถูกกำหนดไว้ เพื่อเป็นหน่วยวัดคุณภาพของท่อพีวีซีที่ได้มาตรฐาน และทำให้สามารถแบ่งประเภทการใช้งานได้อย่างเหมาะสม เพราะยิ่งท่ออยู่ Class ที่สูงขึ้น เนื้อท่อก็จะมีความหนามากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถรับแรงดันน้ำได้มากยิ่งขึ้น
3.สีของท่อ
โดยปกติแล้วสีของท่อพีวีซีนั้น ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพราะความสวยงาม แต่เป็นการแยกประเภทการใช้งานของท่อพีวีซีประเภทต่างๆ ให้ง่ายต่อเลือกใช้งาน และหากเลือกประเภทที่ถูกต้องก้จะช่วยให้ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
4.สัญลักษณ์คุณภาพ
ท่อที่มีคุณภาพและได้รับการผลิตที่ได้มาตรฐานจะได้รับเครื่องหมาย มอก. ซึ่งเป็นมาตรฐานตามสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพราะหากเลือกใช้ท่อพีวีซีที่ไม่ได้รับที่มาตรฐาน มอก อาจจะทำให้อายุการใช้งานของท่อเสี่อมสภาพเร็ว ตัวท่ออาจจะแตกหรือเปราะง่าย เสี่ยงต่อสารเคมีตกค้าง และไม่สามารถกันชนวนไฟฟ้าได้ ทำให้เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต