0 Hellboy+-+%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A2

Hellboy - เฮลล์บอย

เข้าฉาย 11 เมษายน 2562
ผู้ชม : 26,932
ผู้กำกับ : Neil Marshall
ความยาวหนัง : 125.00
Text Size

หนัง Hellboy การกลับมาอีกครั้งของฮีโร่พันธุ์นรก ที่ถูกนำมาทำใหม่ โดยสร้างจากนวนิยายภาพ(คอมิกส์) ของ Mike Mignola จากเรื่อง Hellboy โดยเป็นเรื่องราวระหว่างโลกมนุษย์และโลกเหนือธรรมชาติ โดยในเรื่องนี้จะเป็นการต่อสู้กับแม่มดโบราณที่ต้องการจะล้างแค้น


Based on the graphic novels by Mike Mignola, Hellboy, caught between the worlds of the supernatural and human, battles an ancient sorceress bent on revenge.

รีวิววิจารณ์หนัง (0)

22 เมษายน 2562 01:28:41

Hellboy

เป็นหนังที่จะบอกว่าดีก็ไม่ใช่ จะบอกว่าแย่ก็ไม่ใช่อีก มันออกกลางๆไม่ดีเลิศสักด้าน ถึงแม้กระแสรีวิวจะไม่ค่อยดีแต่สำหรับตัวผมก็ถือว่าดูเพลินๆ ได้ ฆ่าเวลาได้ ไม่ได้แย่อะไร สำหรับ Hellboy ในเวอร์ชั่นนี้จะดูมีความเถื่อนดิบกว่าภาคก่อนๆ แต่หนังก็ดีตรงที่ไม่ต้องปูพื้นฐานตัวละครอะไรมากมายให้เสียเวลา จัดฉากบู๊ระดับที่เรียกว่าเลือดสาด หัวกระจุย ไปกันเลยทีเดียว 

ตัวบทหนังและการดำเนินเรื่องก็ตามสไตล์หนังฮีโร่ เดินเรื่องแทบจะเป็นเส้นตรง เดาง่าย รู้ว่าจบอย่างไร แทบไม่มีจุดตื่นเต้นอะไรเท่าไร แต่มาดีตรงฉาก action ที่ทำได้ดี และตัวของ Hellboy ก็ทำได้ดีมากๆ ดูเถื่อนและดูเก่งมากๆ ในเวลาเดียวกัน 

ตัวร้ายในเรื่องนี้ ชอบช่วงต้นของหนังที่เล่าประวัติของแม่มดตนนี้ ดูมีพลัง ดูน่ากลัว แต่เอาจริงๆ คือมาเสียตอนจบ มันทำให้ที่เล่ามาตอนต้นของหนังดูไร้ความหมายไปเลย (ลองไปดูในโรงนะครับ เล่ามากจะสปอย) 

ฉากสู้ต้องบอกก่อนว่าหนังได้เรท R ในต่างประเทศแต่ไม่ได้มีฉากโป๊เปลือยนะ แต่มันมีฉากเลือดสด คอหลุด ดังนั้นก็แนะนำสำหรับคนที่พาเด็กๆ ไปดู ยังไงก็ต้องระวังตรงนี้หน่อย เพราะในไทยไม่ได้จัดเรทตรวจบัตรประชาชนครับ (เลือดท่วมจอแน่นอน)

สำหรับคนที่ดูเอามัน ไม่ต้องคิดอะไรเยอะแยะ เรื่องนี้ตอบโจทย์สุดๆ ครับ ลองไปดูกัน!! ไม่มีผิดหวังแน่นอน

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
6
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
6
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
7
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
15 เมษายน 2562 15:30:54

รีวิวจากคนที่ไม่เคยดู Hellboy มาก่อนเลย

1. ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่เคยดูภาคเก่า ภาคใหม่ ไม่รู้ไปอยู่ไหนมา... อยากดูหนังแต่ไม่รู้จะดูเรื่องอะไรดี ไม่อยากดูการ์ตูน ไม่อยากดูหนังผี ไม่อยากดูบักส้มโอ เฮลล์บอยดูแอคชั่นน่าจะมันดี จัดไป...

2. เป็นส่วนผสมเรื่องหนังซุปเปอร์ฮีโร่สายเกรียน ผสมผสานกับหนังปิศาจผุดจากนรก สู้กันฆ่ากันแหวะๆ เด็ดหัวคน ฉีกร่างมนุษย์ เละเทะ เนื้อละเอียดเป็นหมูบดเกรดเอเบทาโกรเลย... 

 

3. คาแรกเตอร์พระเอกพี่บิ้กเบิ้มตัวแดง เหมือนเดอะฮักซ์สีแดง แต่ดูloserนิดๆ เกรียนนิดๆ เหมือนสตาร์ลอร์ดจากการ์เดียนออฟดิกาแลกซี่หรือเทพเจ้าธอร์สุดหล่อที่ดูเก่งๆ เกรียนๆ แพ้ๆ นิดๆ คล้ายๆ กัน แต่ไม่ค่อยฮาอ่ะ ธอร์กับสตาร์ลอร์ดฮากว่าเยอะเลย 

ร่างนี้อย่างเท่อ่ะ..​อยากให้อยู่ร่างนี้ไปตลอดเรื่องเลย

4. ปิศาจลุคดูน่ากลัวดี เหมือนผุดมาจาก Silent Hills เลย แต่ละตัวดูโหดๆ ทั้งนั้น งานออกแบบคาแรกเตอร์เจ๋งงงงง

5. นางร้ายนำแสดงโดย Mila Jovovich เรื่องนี้สวยมากกกก ดีงามมากเลย แม้จะไม่ได้ออกแอคชั่นอะไรมาก มาเดินสวยๆ หลายฉากอยู่ ว้าวมากเลย มองๆ ไปหลายๆ มุมก็แอบคล้ายเทเลอร์ สวิฟต์อยู่ แต่ขุ่นแม่สวยมาก...​อร๊าย~ เขิน~

6. สนุกไหม? ก็อินอยู่นะ... แต่ไม่ได้ชอบเท่าฮีโร่ค่ายมาร์เวล หรือดีซีอ่ะ ดูเป็นฮีโร่สายอัลเธอเนทีฟ สำหรับใครที่เบื่อสายเมนสตรีม แต่ถ้าสายทางเลือกเราชอบ Watch men กว่า แต่ก็เอามาเทียบกับอันนี้ไม่ได้ แต่อันนี้ก็เอาไปเทียบมาร์เวลก็คนละแนวอีก 

7. เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับช่วงรอดู Avengers End Game ดูเรื่องนี้แก้เหงาไปก่อน ได้อยู่...

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
7.5
ดนตรีประกอบ
7.5
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
8.5
คะแนนเฉลี่ย
7.5
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย
14 เมษายน 2562 14:02:20

[รีวิว] Hellboy (2019)
--- 7/10---
เห้ย! มันก็ไม่ได้แย่เลยนะ ชอบกว่าเวอร์ชั่นของ Guillermo ด้วยซ้ำ!
ก่อนดูเตรียมตัวเข้าไปสับเละเลย จากคำวิจารณ์อื่นๆ แต่พอได้ดูจริงๆ แล้ว “มันก็สนุกดีนี่หว่า”

Hellboy (2019) นี้ไม่ใช่ภาคต่อจากเวอร์ชั่นของ Guillermo Del Toro แต่มันคืองานรีบูทใหม่ของผู้กำกับ Neil Marshall ผู้กำกับสายหนังปีศาจสุดแหวะหลายๆ เรื่อง ที่ช่างเหมาะสมกับหนัง Hellboy จริงๆ เพราะในภาคนี้มันได้เรท R

บอกตรงๆ ว่าทำใจมาก่อนแล้ว กะเข้าไปเตรียมด่าเต็มที่ แต่มันดันบันเทิง สนุก และเพลิดเพลินชะมัด ด้วยความที่มันคืองานรีบูท หลายๆ คนก็อดที่จะเปรียบเทียบกับงานของ Guillermo ไม่ได้ รวมถึงเราด้วย จริงๆ งานต้นฉบับของเฮียแกเรารู้สึกเฉยๆ มากนะ ไม่ได้ว้าว ไม่ได้ตื่นเต้น เนื้อเรื่องค่อนข้างออกไปทางน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ กับการใส่ประเด็นความรักกุ๊กกิ๊ก ที่เสียเวลาเล่าเรื่องโคตรๆ แต่กับเรื่องนี้มันกระชับ รวดเร็ว จนเรารู้สึกว่าชอบกว่าเวอร์ชั่นของ Gullermo ด้วยซ้ำ

หนังมีการดำเนินเรื่องที่โคตรรวดเร็ว คือจบเพลงสรรเสริญพระบารมีเสร็จ นั่งเก้าอี้แป๊บเดียวเท่านั้น หนังเริ่มแล้ว นี่แอบตกใจเล็กๆ ว่ามันจะรีบอะไรขนาดนั้น และไอ้คำว่า “รีบ” นี่แหละ ที่หนังเรื่องนี้มันเป็น จริงๆ มันเป็นดาบสองคมนะ เล่าเรื่องกระชับ รวดเร็ว ไม่น่าเบื่อ แต่มันก็ทำให้หนังมีปัญหาในด้านการเล่าเรื่อง ตัดต่อ และลำดับภาพอยู่บ้างในบางส่วน ทำให้เหตุการณ์หลายๆ อย่างมันดาหน้าเข้ามา จนอาจทำให้สงสัยได้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ อีกอย่างนึงคือ CG หลายๆ ฉากนี่คือลอยมาก ไม่เนียนตาเอาซะเลย

แต่ข้อดีของหนังมันอยู่ตรงคำว่าเรท R เนี่ยแหละ คือหนังมันโหดมาก ศพตายอย่างน่าอนาถ สมองเปิด เห็นสมองไหล ไส้ทะลัก รวมถึงความวินาศสันตะโรของเหล่าอมนุษย์จากนรกมาถล่มเมือง ที่ในหลายๆ เรื่องเราอาจเห็นตึกราบ้านช่องพังเท่านั้น แต่ในเรื่องนี้เหมือนผู้กำกับนั่งเล่นเกมอย่างสนุกสนานอะ จับคนมาฆ่าในรูปแบบต่างๆ อย่างมันส์มือ โดนเสียบ ฉีกตัว นับว่าเป็นฉากที่โคตรนรกแตกมาก อันนี้ชอบโคตรบอกเลย

โดยภาพรวมของหนังมันค่อนข้างเหมือนหนังสยองขวัญอยู่เหมือนกันนะ ทั้งการดีไซน์ตัวละคร เหล่าปีศาจทั้งหลาย มันชวนน่ากลัว น่าขนลุก สยองอยู่เหมือนกัน ชอบแนวความคิดไอเดียในการดีไซน์แต่ละตัวละครมากๆ ชวนแหวะ ดิบ โหด ได้ดีเลย

ไม่ใช่เพียงแต่ความโหดของหนังเท่านั้น ตัว Hellboy นี่ก็โหดไม่แพ้กัน เรื่องนี้ประดังหน้าฉากแอ็คชั่นเต็มไปหมด แต่ละฉากนี่โคตรเพลิน จริงๆ ไอ้ตัวนี้จากตัวอย่างตอนแรกเรายังไม่เห็นถึงความต่างระหว่าง David Harbour (เวอร์ชั่นนี้) กับ Ron Periman (เวอร์ชั่นก่อน) สักเท่าไหร่นะ แต่พอได้ดูก็รู้ว่ามันต่างจริงๆ ในเวอร์ชั่นใหม่นี่ดูเถื่อนกว่ากันเยอะ เรียกง่ายๆ ว่าเวอร์ชั่นเก่าดูเป็นมิตรมากกว่า แต่จุดด้อยอย่างนึงเลยคือ Hellboy เวอร์ชั่นนี้แสดงอารมณ์ได้จืดชะมัด ทั้งเรื่องเลยเหมือนหน้าเดียวตลอด

แต่นักแสดงที่น่าชื่นชมคือ Milla Jovovich ต้องบอกเลยว่าเธอรับบทราชินีเลือดได้ดูร้ายจริงๆ แถมยังดูมีเสน่ห์อีกด้วย ทั้งการเล่นหน้าเล่นตา การพูดจา คือเหมาะกับตัวร้ายโคตร หลายๆ

ย่อหน้าต่อไปนี้มีสปอยล์!

คลิกเพื่อซ่อนหรือแสดงข้อความ
 

ทั้งนี้ทั้งนั้นหนังก็ยังกลับมามีปัญหาในตอนจบ ที่รวบรัด และรีบเกิ๊นนนนน โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ปล่อยเหล่าสัตว์นรกออกมาอาละวาด ของราชินีเลือด ที่ดูดี น่ากลัวชะมัด และแอบลุ้นอยู่ในใจว่าแค่ตัว Hellboy มันจะปราบสัตว์นรกเหล่านั้นยังไง แต่สุดท้ายก็ไม่มีอย่างน่าเสียดาย

เป็นปัญหาเดียวกันกับของเวอร์ชั่นแรก ที่ตอนจบก็แค่พล่ามๆ ใส่กัน และในเวอร์ชั่นนี้ก็ไม่ต่างกัน เพราะมันเป็นการปะทะคารมกันมากกว่าปะทะร่างกาย ระหว่างตัวแม่มดราชินีเลือดและ Hellboy เท่านั้น อุตส่าปูบทแม่มดมาตั้งนานซะโหดร้าย แต่ดันคุยกันง่ายๆ และโดนตัดคอทิ้งโดยที่ไม่ได้สู้กันเลย และก็จบ….อ้าว

ต้องย้ำอีกครั้งว่ามันคือความคิดเห็นส่วนตัวของเราทั้งหมด ที่สรุปแล้วว่า Hellboy (2019) เป็นหนังที่เต็มไปด้วยความดิบ เถื่อน ที่ดูเอามัน เพลิดเพลิน แบบไม่ต้องคิดไรเยอะเลย และเราชอบกว่าเวอร์ชั่นเก่า หนังมีปัญหาอยู่หลายจุด แต่ก็ยังมีจุดดีอยู่หลายจุดเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ต้องเชื่อเราทั้งหมดก็ได้ ไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองในโรงน่าจะเป็นอันดีที่สุด

สรุปผลวิจารณ์หนัง

บทหนัง
6
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
8.5
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
6.5
คะแนนเฉลี่ย
7
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย

ความคิดเห็น (0)

11 เมษายน 2562 16:12:06
 
สนุกก รอออภาค2
สมาชิกไทยแวร์เข้าสู่ระบบด้วย